OECD เผยปัญหาทางกฎหมายที่ไม่ได้รับการแก้ไขสามารถสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศต่างๆ สูงถึง 3% ของ GDP แนะไทยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
Mary Beth Goodman รองเลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กล่าวบนเวที Opening Remarks by OECD ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ว่า ‘หลักนิติธรรม’ (Rule of Law) ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดทางกฎหมาย แต่คือ ‘ระบบปฏิบัติการ’ (Operating System) ที่เป็นรากฐานสำคัญที่สุดของนโยบายเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเตือนว่า ระบบยุติธรรมที่ไร้ประสิทธิภาพและมีปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข อาจสร้างต้นทุนมหาศาลให้ประเทศถึง 3% ของ GDP
Goodman แนะว่า การที่ประเทศไทยจะปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้นั้น จำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้าง โดยมีหัวใจสำคัญคือการสร้าง ‘ระบบยุติธรรมที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง’
Goodman ย้ำว่า การลงทุนในหลักนิติธรรมไม่ใช่แค่เรื่องของหลักการประชาธิปไตย แต่คือ “ความจำเป็นเชิงกลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจ” ที่สำคัญอย่างยิ่ง
“เมื่อกฎเกณฑ์มีความชัดเจนและถูกบังคับใช้อย่างเป็นธรรม ข้อพิพาทจะได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ การเติบโตทางเศรษฐกิจก็จะตามมา ในทางตรงกันข้าม เมื่อกฎเกณฑ์ไม่ชัดเจน ความไว้วางใจก็จะพังทลาย, ต้นทุนสูงขึ้น และโอกาสต่างๆ ก็จะหยุดชะงัก” Goodman กล่าว
ประเด็นสำคัญที่ OECD เน้นย้ำคือ ต้นทุนที่จับต้องได้ของความไร้ประสิทธิภาพ โดยอ้างอิงถึงรายงานที่ทำร่วมกับ World Justice Project ซึ่งชี้ว่า “ปัญหาทางกฎหมายที่ไม่ได้รับการแก้ไขสามารถสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศต่างๆ สูงถึง 3% ของ GDP นั่นคือราคาที่สูงมากสำหรับการไม่ลงมือทำ”
Goodman ชี้ว่า กลุ่มที่เปราะบางที่สุดและได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากปัญหานี้คือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของธุรกิจทั่วโลก รวมถึงในไทย “SMEs คือกลุ่มแรกที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากความล่าช้า, ช่องว่างของข้อมูล และกระบวนการที่ซับซ้อน” ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาคือการจ้างงานที่สูญหาย, โครงการที่ล่าช้า และนวัตกรรมที่ถูกพับเก็บไป
3 เสาหลัก สู่ระบบยุติธรรมที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
Goodman ให้คำแนะนำที่ชัดเจนว่า การปฏิรูประบบยุติธรรมต้องยึด “ความต้องการที่แท้จริง” ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยมี 3 แนวทางสำคัญที่ทุกประเทศสามารถนำไปใช้เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันได้
- ต้องส่งเสริม ‘ความเป็นอิสระ’ ภายในระบบยุติธรรม เพื่อสร้างความไว้วางใจจากภาคประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งต้องประกอบด้วยการแต่งตั้งตามความสามารถ, งบประมาณที่เสถียร, การจัดสรรคดีแบบสุ่ม และการเผยแพร่คำตัดสินที่สมเหตุสมผล
- การเข้าถึงต้อง ‘ง่าย-เร็ว-ไม่แพง’ บริการด้านความยุติธรรมควรจะเรียบง่าย, ทันเวลา และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน โดยต้องอาศัยการประสานงานที่มีประสิทธิภาพระหว่างตำรวจ, อัยการ, ศาล และหน่วยงานอื่นๆ
- ขับเคลื่อนด้วย ‘ข้อมูล-ดิจิทัล-ความโปร่งใส’ สถาบันยุติธรรมควรเชื่อมต่อกันผ่านยุทธศาสตร์ข้อมูล (Data Strategy) และใช้เครื่องมือดิจิทัลและ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยกูดแมนย้ำว่า “AI ต้องโปร่งใส, ตรวจสอบได้ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมนุษย์”
รองเลขาธิการ OECD กล่าวว่า การที่ไทยกำลังเดินหน้ากระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD (Accession Process) ถือเป็นสัญญาณที่ดี “แสดงให้เห็นถึงการตระหนักว่า ระบบยุติธรรมที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางสามารถเป็นรากฐานให้กับความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจได้”
“เราได้เห็นเครื่องมือ AI ที่พัฒนาโดยประเทศไทยเพื่อสแกนกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อดูว่าสิ่งใดสอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับมาตรฐาน OECD” Goodman กล่าว
กูดแมนเรียกร้องให้ไทยใช้โอกาสนี้ในการ “หลอมรวมการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สมบูรณ์” ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการสร้างอนาคตที่แข็งแกร่ง เธอย้ำว่า สมาชิกใหม่ของ OECD ที่ผ่านกระบวนการนี้ ไม่เพียงแต่ยกระดับระบบยุติธรรม แต่ยังสามารถปรับปรุงกรอบนโยบายเศรษฐกิจโดยรวมให้ทันสมัย ซึ่งนำไปสู่ “บรรยากาศการลงทุนที่น่าดึงดูดใจมากขึ้น”
“ท้ายที่สุดแล้ว งานด้านการเข้าเป็นสมาชิกนี้สามารถเป็นรากฐานให้กับธุรกิจที่แข็งแรง, การลงทุนที่เพิ่มขึ้น และความมั่งคั่งสำหรับประชาชนชาวไทยทุกคน” Goodman กล่าวปิดท้าย


