ในที่สุดตลาดการเงินก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของปี
และคงไม่ต้องย้ำว่าปี 2021 ที่กำลังจะผ่านไป เป็นหนึ่งในปีที่ธีมการลงทุนเปลี่ยนไปมาเร็วที่สุดในรอบทศวรรษ ชาว Thematic Investor อย่างเราจึงต้องเกาะติดธีมล่าสุดของตลาด และพยายามมองหาธีมใหม่สำหรับปี 2022 ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
สำหรับเดือนพฤศจิกายน นโยบายการเงิน และโควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน คือสองเรื่องที่ทำให้ตลาดผันผวนหนัก
ที่จริงตั้งแต่ เจอโรม พาวเวลล์ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธาน Fed สมัยที่ 2 ตลาดทุนก็สั่นคลอนมาโดยตลอด เหตุผลหลักมาจากความกังวลว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อจากนี้จะเป็นการ ‘คุมเงินเฟ้อ’ มากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ
พาวเวลล์ตอกย้ำความเชื่อนี้ด้วยการเลิกใช้คำว่า ‘ชั่วคราว’ สำหรับเงินเฟ้อ และชี้ว่าอาจลด QE เร็วกว่าที่ประกาศไว้ ตลาดแปลความหมายว่า ปีหน้า Fed สามารถขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ถึง ‘3 ครั้ง’ หรือ 0.75% ทำให้นักลงทุนขายกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นขนาดเล็กอย่างไม่ต้องคิด
ไม่จบแค่นั้น โลกลงทุนซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อมีไวรัสกลายพันธุ์เข้ามาผสม
แม้ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเรื่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนมากนัก แต่ตลาดก็เลือกที่จะขายทำกำไรธีม Reopening ธีม Value และธีม Cyclical ที่ปรับตัวขึ้นเร็วในช่วงที่ผ่านมาทันที
ด้าน Thematic Investing ก็ปรับฐานลงไม่น้อยหน้าการลงทุนอื่น
Sustainable Energy เป็นธีมที่ย่อตัวลงด้วยเหตุผลเดียวกับตลาดถึง 8% ขณะที่ธีมที่แข็งแกร่งที่สุดของปีนี้อย่าง Industry Revolution ก็ปรับตัวลงไปด้วยราว 3%
ที่น่ากังวลคือธีม Healthcare Innovation ปกติไม่ผันผวนไปพร้อมกับตลาด แต่กลับร่วงลงถึง 9% พร้อมกันในรอบนี้ เหตุผลหลักมาจากความกังวลเรื่องการแข่งขันที่สูง ดิสรัปชันที่เกิดบ่อยครั้งขึ้นในอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในปีหน้า จึงไม่เลือกลงทุนธีม Healthcare เพราะมีความ Defensive
ด้วยภาพตลาดที่ผันผวน ตำแหน่ง Thematic ETF หน้าใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของเดือนจึงควรเป็นของ SARK หรือ Tuttle Capital Short Innovation ETF
SARK บริหารโดย Tuttle Capital Management ตั้งเป้าหมายทำผลงาน ‘สวนทางกับ ARKK’ หรือ ARK Innovation ETF เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนในจังหวะที่อนาคตของธีม Innovation ไม่สดใสเหมือนก่อน
อย่างไรก็ดี บลจ.ชื่อดังอย่าง Goldman Sachs Asset Management ยังเชื่อมั่นในธีมการลงทุนแห่งอนาคต ตอกย้ำด้วยการออก 3 Active ETF ในเดือนที่ผ่านมา ได้แก่
GS Future Consumer Equity หรือ GBUY ลงทุนธีม Consumer Evolution ตอบโจทย์ผู้บริโภคสมัยใหม่, GS Future Real Estate and Infrastructure Equity หรือ GREI ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ให้ปันผลสูง, GS Future Health Care Equity หรือ GDOC ลงทุนธีม Healthcare Innovation
ในเดือนที่ผ่านมาจึงถือว่ามีทั้งประเด็นทั้งลบและบวกของ Thematic Investing สลับกันไป
ที่ขาดไม่ได้ในเดือนสุดท้ายของปีนี้ คือการมองความเสี่ยงและธีมการลงทุนในปีหน้า
สำหรับผม ความเสี่ยงของปี 2022 คือ ‘Rate Shock’ และธีมที่น่าสนใจผมขอเรียกว่า ‘Hybrid Economy’
ถ้า 2020 คือปีแห่ง Growth Shock กับ Stimulus
และ 2021 คือปีแห่ง Inflation Shock กับ Vaccination
ความเสี่ยงคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2022 ก็ควรเป็น Rate Shock จบ QE เข้าสู่ช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
ขณะที่ชาวโลกเข้าใจแล้วว่าทั้ง Work from Home และ Reopening ต้องเกิดไปพร้อมกัน ผมจึงนิยามให้เป็น Hybrid Economy Theme
ในมุมมองของผม Rate Shock มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี
เพราะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังจะเร่งตัวขึ้น โอกาสน้อยที่ Fed จะถอนคันเร่งเรื่องดอกเบี้ย
เมื่อยีลด์สูงขึ้น การกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลง หุ้นโดยรวมก็มีโอกาสปรับฐาน ยิ่งถ้าดอลลาร์แข็งค่า การลงทุนทั่วโลกก็จะติดแนวต้านไปพร้อมกัน
สภาพตลาดน่าจะคล้ายกับปี 2015 การลงทุนบวกสลับลบ สินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสย่อตัวลง ธีมที่คาดว่าจะได้ไปต่อคือต้องเป็น Hybrid แบบผสมคนกับหุ่นยนต์ได้ เช่น Autonomous, EV และกลุ่ม Smart Mobility
ส่วนในช่วงครึ่งหลัง ผมมองว่าตลาดจะเห็นความจริงว่าเงินเฟ้อสูงไม่ได้อยู่ตลอดไป และตลาดการเงินจะผันผวนหนัก ถ้ามีการปรับดอกเบี้ยขึ้นหลังการลด QE ทันที
สภาพตลาดน่าจะคล้ายกับปี 2010 ยีลด์ระยะยาวหยุดขึ้น ตลาดเข้าสู่โหมด Defensive รอดูการเลือกตั้งมิดเทอมในสหรัฐฯ ดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าดีต่อทองคำ หุ้นตลาดเกิดใหม่ และธีม Hybrid ผสมผสานโลกจริงกับโลกออนไลน์ อย่าง Metaverse, Social Platforms, หรือ E-Commerce มีโอกาสฟื้นตัวกลับมา
นอกจากนั้นก็ต้องระลึกไว้เสมอว่า ช่วงที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วและถี่กว่าปกติเช่นนี้ แม้เป็นธีมระยะยาวก็อาจปันป่วนในระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุนที่ดีคือ ต้องเปิดใจ กล้าเปลี่ยน และเตรียมพร้อมรับธีมใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไปพร้อมกันครับ