ถ้าสามารถรู้ใจผู้หญิงได้ จะครองโลกได้
ว่ากันว่าฮิตเลอร์กล่าวไว้ ไม่รู้จริงไหม?
ผมมีรุ่นน้องที่รักใคร่ชอบพออยู่คนหนึ่งชื่อ ‘แจ้’ แจ้เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ขยันขันแข็งคนหนึ่ง
แจ้เป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร และร้านอาหารกึ่งผับอยู่หลายแห่ง เกือบทั้งหมดล้วนไปได้ดี
อย่างในย่านถนนข้าวสาร น่าจะมีร้านของแจ้อยู่เกินครึ่ง
ด้วยความที่แจ้เป็นคนขยันและชอบทำธุรกิจนี้ เมื่อมีโอกาส ไม่ว่าจะที่ไหนทำเลไหน แจ้จะลองอยู่เสมอ
เวลาใครมาถามผมเรื่องร้านอาหาร ผมจะบอกว่า ต้องลองถามแจ้ดู
ปีก่อน แจ้ได้พื้นที่เปิดร้านใหม่ย่านเอกมัย เซ้งต่อมาอีกทีหนึ่ง แจ้ลองทำอยู่พักใหญ่ เป็นผับกึ่งแจ๊ซ ผลปรากฏว่า กิจการกลับไปได้ไม่ค่อยดีนัก
จนกระทั่งในปีนี้ แจ้ชวนน้องอีกคนมาร่วมหุ้น ปรับปรุงร้านเดิมใหม่ น้องคนนั้นชื่อ ‘ภา’
ภาเป็นรุ่นน้องอีกคนที่ผมรู้จักและคุ้นเคยพอสมควร เป็นผู้หญิงแบบผู้หญิ้งผู้หญิงที่บางทีผมก็งงๆ
ภาเป็นเจ้าของร้านรองเท้าที่สยามสแควร์ ชื่อ paa ทำแบรนด์เอง ออกแบบเอง มาเกือบ 10 ปี เริ่มจากสวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ไปจตุจักร และมามีร้านถาวรที่สยามสแควร์ และขายตามห้าง
ร้านรองเท้าของภาไปได้ดีมาก เป็นที่รู้จักพอสมควร
ภาเคยเล่าว่า รองเท้าที่ร้านจะมีสีที่เป็น positive กับผู้หญิง เวลาภาจะตั้งชื่อรุ่นรองเท้าที่ร้าน ภาจะตั้งชื่อที่จะทำให้ผู้หญิงรู้สึกถึงสีที่แตกต่างกันไป แต่จะเป็นไปในแง่บวก ตอนผมฟังภาเล่าก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก
เมื่อโตขึ้น ภาจึงเริ่มสนใจกิจการอาหาร เพราะรองเท้าเป็นเรื่องของแฟชั่น มันเปลี่ยนบ่อย ภาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโตแล้ว จึงคิดว่าน่าจะตามแฟชั่นยากขึ้น เลยเริ่มสนใจกิจการร้านอาหาร
ภากับหมิง (สามี) เริ่มต้นกิจการร้านอาหารจากการขอซื้อกิจการ Kobe Steakhouse ที่สยามและเพชรบุรีมาทำ ปรับเปลี่ยน เรียนรู้อยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ไปได้ดีและเริ่มขยายเข้าห้างแล้ว
เมื่อแจ้มาชวน ภากับหมิงแทบจะไม่ลังเลเลย
หลังจากมีภามาร่วมลงทุน ภาปรับปรุงร้านใหม่อยู่ 3-4 อย่าง ที่เหลือแทบไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย
1. ภาเริ่มจากการวางคอนเซปต์ร้านใหม่และตกแต่งนิดหน่อย โดยเริ่มต้นตั้งชื่อร้าน และเขียนว่า เดอะ คาสเส็ต The Cassette Music Bar
ภาบอกว่าเขียนแบบนี้ เพราะตัวเลขตรงตามตำราเป๊ะ พร้อมเอาตัวเลขมาอวดผมด้วยว่าบวกเลขแล้วดีมาก ทั้ง 2 ภาษา
ซึ่งก็เป็นไปตามนิสัยผู้หญิงของภา
ส่วนเหตุผลที่ตั้งชื่อนี้ ก็เพื่อกำหนดคอนเซปต์ของร้าน กำหนดกลุ่มลูกค้า
2. ภาแต่งหน้าร้านด้วยคาสเซตต์เทปขนาดใหญ่ สีแพนโทน และหมุนได้ เหมือนที่สมัยก่อนเอาคาสเซตต์ใส่เครื่องเล่น แน่นอนว่าทุกคนที่มาร้านนี้จะถ่ายรูปกันตรงนี้
3. ที่เคาน์เตอร์บาร์ในร้านแสนสวยของแจ้ ภาเอาสติกเกอร์สนูปี้ขนาดใหญ่มาติด ดูแล้วช่างขัดแย้งกับเคาน์เตอร์บาร์ที่มีขวดแอลกอฮอล์เรียงรายสวยงาม
ภาบอกว่ามันยิ้มให้เราอยู่ พี่เห็นไหม?
4. ภากำหนดเพลงให้นักดนตรีเล่นในร้านตามลิสต์ของภาเท่านั้น
ช่วงแรกภากับหมิงจะเป็นคนเปิดเพลงเอง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามที่กำหนดไว้ แน่นอนว่าเป็นเพลงไทยในยุคคาสเซตต์เทปเท่านั้น แต่ที่ละเอียดอ่อนไปกว่านั้นคือ ภาจะห้ามนักดนตรีเล่นเพลงอกหักแบบจมดิ่ง เอาแค่เพลงสนุกกับเพลงอกหัก แบบ positive ฟังทีแรกผมไม่ค่อยเข้าใจนัก
ภาบอกว่า ถ้านักดนตรีเล่นเพลงอกหักแบบจมดิ่ง ไม่เกิน 3 เพลง ลูกค้าจะเช็กบิลกลับบ้าน แต่ถ้าอกหักแบบมีความหวัง ลูกค้าจะอยู่สนุกต่อ
ตัวอย่างเพลงอกหักแบบจมดิ่งของภา สมมติว่าเป็นเพลงของ พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ก็เช่นเพลง ฟั่นเฟือน เพราะมันเศร้ามาก เนื้อมันร้องว่า ไม่อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใคร…
แต่ถ้าเป็นเพลง ใจนักเลง จะถือว่าเป็นเพลงอกหักแบบ positive เพราะเนื้อมันร้องว่า ให้เธอได้กับเขาและจงโชคดี… แปลว่าทำใจได้แล้วพร้อมเดินต่อ
ภาเข้มงวดกับนักดนตรีมาก ฝีมือดีขนาดไหนก็ต้องให้ร้องเพลงในลิสต์เท่านั้น แน่นอนว่าภาหานักดนตรีมือดีมาเล่นที่ร้านให้ยากมากในช่วงแรก
ผมไม่รู้หรอกว่าที่ภาเล่าให้ฟังทั้ง 4 ข้อ มันจริงไหม แต่ว่าผลที่เกิดขึ้นหลังจากที่ร้านเปิดไม่ถึงเดือน ลูกค้าผู้หญิงแน่นร้านทุกคืน แน่นอนว่าเมื่อลูกค้าผู้หญิงแน่นร้าน ลูกค้าผู้ชายจะตามมา ส่วนกำลังซื้อนั้นหายห่วง เพราะคนยุคคาสเซตต์นั้นเป็นวัยทำงานแล้ว
คนแน่นทุกวันตลอดสัปดาห์ ถึงขนาดที่ว่ายอดจองเต็มทุกวันข้ามไปเป็นเดือนแล้ว บางวันภาต้องประกาศงดรับลูกค้าวอล์กอินเพราะกลัวลูกค้าผิดหวัง
วกกลับมาที่แจ้ หุ้นส่วน
ช่วงแรกที่ภาเริ่มมาทำ แจ้บอกผมว่าแจ้งงพอสมควร แจ้เองทำร้านอาหารกึ่งผับมาก็มาก พยายามทำร้านนี้กลับไม่สำเร็จ จนชวนภามาร่วมด้วย กิจการดำเนินไปได้ดีมาก เป็นอีกเรื่องเลย
ผมบอกแจ้ไปว่า ภาเป็นผู้หญิงที่เข้าใจผู้หญิง เคยทำร้านรองเท้า ที่ต้องการความเข้าใจจากผู้หญิงสูง เพราะมีเรื่องของแฟชั่นและรสนิยมแบบผู้หญิงผสมอยู่ ผมไม่แปลกใจมากนัก ทั้งๆ ที่ตอนฟังเหตุผลของภา ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ
สุดท้ายแล้ว แจ้ก็ยังเก่งอยู่ดีในการเลือกหุ้นส่วนมาช่วยทำกิจการให้ไปต่อได้ดี
ส่วนเรื่องร้าน เดอะ คาสเส็ต หรือ The Cassette Music Bar และการจัดการร้านของภานั้นคงคล้ายๆ กับคำที่ฮิตเลอร์กล่าวไว้
‘ถ้าสามารถรู้ใจผู้หญิงได้ จะครองโลกได้’