สำหรับแฟนฟุตบอลรุ่นสี่ทุ่มไปจนถึงเกือบเที่ยงคืน (รุ่นดึกหน่อย!) ผมเชื่อว่าน่าจะพอมีสักคนที่เคยได้ยินชื่อของนักฟุตบอลอย่าง พอล สจวร์ต กันอยู่บ้าง
นักเตะอาวุโสท่านนี้ไม่ได้เด่นไม่ได้ดังในระดับซูเปอร์สตาร์ครับ แต่ก็เป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียง ติดทีมชาติอังกฤษและผ่านการรับใช้ให้กับหลายสโมสร ซึ่งรวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และทีมมหาอำนาจในยุค 70-80 อย่างลิเวอร์พูล
มองแบบนี้แล้วเราอาจสรุปได้ว่าเส้นทางอาชีพของเขาถือว่าประสบความสำเร็จและน่าภาคภูมิใจใช่ไหม?
แต่สำหรับ พอล สจวร์ตแล้ว ความสำเร็จในเส้นทางชีวิตเหล่านี้นั้นไม่อาจลบฝันร้ายที่ติดตัวเขามาตลอดนับตั้งแต่ยังเป็นนักฟุตบอลในระดับเยาวชน
ฝันร้ายนั้นคือการเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งในรายของสจวร์ตเกิดขึ้นในช่วงอายุ 11-15 ปี ซึ่งไม่เคยมีสักช่วงเวลานาทีที่เขาจะลืมมันได้เลย
ต่อหน้าทุกคนเขาอาจจะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่เมื่อต้องอยู่ตามลำพังแล้ว ภาพความทรงจำอันโหดร้ายจะปรากฏขึ้นมาหลอกหลอนเขาอย่างมิรู้คลาย
สิ่งที่ทำให้เรื่องราวนี้น่าเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นคือการที่เขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่ต้องตกอยู่ใต้ฝันร้ายชั่วนิรันดร์นั้น
หากแต่ยังมีนักฟุตบอลอีกนับร้อยๆ คนที่เผชิญเรื่องราวแบบเดียวกัน
และนี่คือหนึ่งในคดีอื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ กับเรื่องราวที่สุดแสนมืดมนอนธการจนไม่อยากจะเชื่อว่าเคยเกิดขึ้นจริงในประเทศที่เกมลูกหนังของพวกเขาได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก
ภาพ: The Guardian
แอนดี วูดเวิร์ด คือ ‘ผู้กล้า’ คนแรกที่ออกมาเปิดเผยฝันร้ายที่เหมือนตายทั้งเป็นด้วยน้ำมือของปีศาจจากขุมนรก
ผู้กล้าคนแรกที่ไม่ใช่เหยื่อคนสุดท้าย
แม้ว่าวงการลูกหนังจะพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่สำหรับคนที่คิดอยากจะก้าวเดินไปในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลนั้น จุดเริ่มต้นของพวกเขาก็แทบจะเหมือนกันหมด
หากฉายแววในเกมฟุตบอลระดับเยาวชนท้องถิ่น ก็จะมีแมวมองสักคนที่ประเมินความสามารถ และหากแมวมองรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพบนั้นคือ ‘เพชร’ ที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน พวกเขาก็จะรีบตะครุบเอาไว้ทันที
แอนดี วูดเวิร์ด เองก็เป็นหนึ่งในนักเตะเยาวชนที่ได้รับความสนใจจากแมวมอง ก่อนที่สุดท้ายเขาจะได้รับการติดต่อจาก แบร์รี เบนเนลล์ ผู้ซึ่งแนะนำตัวว่าเขาเป็นทีมงานของสโมสรครูว์ อเล็กซานดรา และเป็นนักล่าดาวรุ่งที่ตระเวนค้นหาเพชรเม็ดงามไปทั่วทางตะวันตกเฉียงเหนือและมิดแลนด์
ขณะนั้นวูดเวิร์ด ซึ่งเกิดในครอบครัวที่เป็นแฟนตัวยงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีวัยเพียง 11 ปี เขาพกความฝันเอาไว้เต็มกระเป๋า และการได้เริ่มต้นกับสโมสรระดับเล็กอย่างครูว์ก็ไม่เลวนักสำหรับการเป็นบันไดขั้นแรกสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่เขาฝันและใฝ่
โดยที่เขาและครอบครัวไม่รู้ตัวสักนิดว่าทั้งหมดคือแผนของปีศาจร้ายอย่างเบนเนลล์
แมวมองเฒ่าชักชวนหนุ่มน้อยไร้เดียงสาให้มาอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านพักของเขาในช่วงสุดสัปดาห์และช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ซึ่งสำหรับเด็กน้อยอย่างวูดเวิร์ดแล้วบ้านหลังใหญ่ที่มีเครื่องทำน้ำผลไม้ 3 เครื่อง โต๊ะพูล สุนัขภูเขาพันธุ์พิเรเนียนตัวใหญ่ 2 ตัว แมวป่าอีกหนึ่ง และลิงจ๋อที่เล่นซนอยู่ในกรง มันคือบ้านในฝันชัดๆ
สำหรับพ่อแม่ของวูดเวิร์ด พวกเขาเองก็เชื่อและไว้ใจ เพราะเบนเนลล์ได้รับการยกย่องในวงการว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่เยี่ยมที่สุดของอังกฤษ
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และวันหนึ่งเฒ่าเบนเนลล์ก็แผลงฤทธิ์ฉกเข้ากลางหัวใจของเด็กน้อยที่ไม่ประสาโลก
เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมาย เบนเนลล์ก็ข่มขู่วูดเวิร์ดด้วยท่าทีและถ้อยคำราวกับคนละคนที่เด็กน้อยเคยรู้จัก
มันเป็นวิธีที่เขาใช้เป็นประจำ มีเหยื่อแบบเดียวกับวูดเวิร์ดจำนวนมาก และส่วนใหญ่เบนเนลล์ก็มีสเปกของเด็กหนุ่มในใจ คือคนที่จะดูนุ่มนิ่ม อ่อนแอกว่าคนอื่น เพราะเด็กแบบนี้จะไม่กล้าขัดขืนหรือแพร่งพรายสิ่งที่เกิดขึ้นออกไป ด้วยความหวาดกลัวจะถูกทำร้ายหรือหมายชีวิต และด้วยหวั่นว่าจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางอาชีพการเล่นฟุตบอลที่เป็นความฝันของพวกเขา
โดยที่เบนเนลล์ไม่ได้สนใจเลยว่าความฝันทั้งหมดมันถูกทำลายลงตั้งแต่มันได้ง้างเขี้ยวอสรพิษออกมาตะปบเด็กหนุ่มเหล่านี้แล้ว
วูดเวิร์ดถูกทรมานทางใจแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ไม่อาจบอกใครได้ จากคนที่ดูเงียบนิ่ง เขายิ่งกลายเป็นคนเก็บตัวพูดจากับคนอื่นน้อยลงไปทุกที
แต่นรกของเขายังไม่จบแค่นั้น เพราะไอ้เฒ่าเบนเนลล์มันทำในสิ่งที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าเมื่อมาคบหากับพี่สาวของวูดเวิร์ด ซึ่งอายุมากกว่า 2 ปี
ในวันที่เบนเนลล์คบกับพี่สาวของเหยื่อตัวเองนั้น วูดเวิร์ดอายุเพียง 14 ปีขณะที่พี่สาวอายุ 16 ปี ซึ่งแม้เรื่องราวจะถูกปิดไม่ให้สังคมรับรู้ในตอนแรก แต่พ่อแม่ของพวกเขาก็รับรู้ และสังคมก็ได้รู้ในเวลาต่อมาโดยที่ไม่ได้มีใครรู้สึกผิดแผกอะไร
มีเพียงวูดเวิร์ดหนุ่มคนเดียวที่ยังถูกย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งเบนเนลล์ยังพยายามจะกระทำเขาขณะที่แฟนสาวซึ่งเป็นพี่สาวของเขาก็ยังอยู่ในบ้าน และทุกวันอาทิตย์เบนเนลล์ก็จะมานั่งทานข้าวที่บ้านร่วมโต๊ะกับพ่อแม่โดยที่ไม่รู้สึกอะไร
ขั้นสุดของเรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1991 โดยที่วูดเวิร์ดในวัย 18 ปีต้องเข้าร่วมในพิธีวิวาห์ของพี่สาวกับคนที่ทำร้ายเขามาโดยตลอด และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอย่างแรงกล้า
“กูอยากจะปาดคอแล้วฆ่ามึงทิ้งตรงนี้”
แต่เขาก็ไม่ได้ทำ และเรื่องราวนี้ก็ถูกเก็บงำเอาไว้ในส่วนที่ลึกและมืดที่สุดของชีวิตของวูดเวิร์ด ซึ่งได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และแม้จะเลิกเล่นแล้วก็ตาม
จนกระทั่งเมื่อปี 2016 ในวัย 43 ปี วูดเวิร์ดผู้ที่ไม่อาจทนเก็บเรื่องราวนี้เอาไว้ในอกได้อีกต่อไป จึงประกาศออกมาให้โลกได้รู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดข้างต้นที่เกิดขึ้น
ความกล้าหาญของเขาไม่ต่างอะไรจากการเปิดกล่องของแพนโดรา เมื่อมีนักฟุตบอลคนที่ 2, 3, 4 และนับต่อมาเรื่อยๆ ได้อีกหลายร้อยคนที่ออกมายอมรับและเปิดเผยว่าพวกเขาก็เคยพบเจอเรื่องราวที่เลวร้ายแบบนี้มาเหมือนกัน รวมถึง พอล สจวร์ต และเดวิด ไวท์ อดีตนักฟุตบอลระดับทีมชาติอังกฤษ
วงการฟุตบอลอังกฤษจุกอก พูดไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่มีทางเลือกมากกว่าการหาความจริงมากกว่านี้
จึงเป็นที่มาของการสืบสวนคดีอันดำมืดที่ใช้ระยะเวลานานถึง 5 ปีเต็ม
ภาพ: BBC
โฉมหน้าของแบร์รี เบนเนลล์ แมวมองและโค้ชผู้มาจากขุมนรก
รู้แต่ไม่ทำอะไร?
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเฒ่าหัวงูเบนเนลล์มีชีวิตเป็นอย่างไรบ้างหลังจากนั้น?
ความจริงแล้วเบนเนลล์เคยถูกจับเข้าคุกไปแล้วครั้งหนึ่งในปี 1998 – ในช่วงที่วูดเวิร์ดอายุ 24 ปี – หลังจากที่มีเหยื่อหลายรายแจ้งความว่าโค้ชคนนี้กระทำชำเราพวกเขา ซึ่งในการสอบสวนตำรวจพบว่าเบนเนลล์ทำแบบนี้ไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในสนามซ้อม ศูนย์ฝึก หรือในช่วงของการเข้าค่ายฟุตบอลที่สเปนหรือสหรัฐอเมริกา (ซึ่งเขาถูกดำเนินคดีไปแล้วในปี 1998)
และแม้แต่ในบ้านของ ดาริโอ เกรดี อดีตผู้จัดการทีมในตำนานของครูว์ ก็เคยเป็นสถานที่สังเวยมาแล้ว
เบนเนลล์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อเด็กถึง 45 คนในตอนแรกก่อนจะลดเหลือ 23 คนเนื่องจากศาลเห็นว่าไม่ควรให้เด็กอีก 22 คนต้องเจอกับการไต่สวนที่จะเป็นบาดแผลไปตลอดชีวิตอีก และมีการตั้งข้อกล่าวหาจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงข้อหาการล่วงละเมิดทางเพศด้วยการร่วมเพศทางทวารหนัก และการพยายามร่วมเพศทางทวารหนัก ก่อนที่ศาลจะพิพากษาจำคุกเป็นระยะเวลา 9 ปีด้วยกัน
จากนั้นในปี 2012 ชื่อของเบนเนลล์ปรากฏอีกครั้งเมื่อมีการเปิดเผยว่า แกรี สปีด อดีตผู้จัดการทีมชาติเวลส์ และเป็นอดีตกัปตันทีมมังกรแดงซึ่งได้ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองนั้นเคยเป็นหนึ่งใน ‘คนโปรด’ ของเบนเนลล์ รวมถึง อลัน เดวิส อดีตนักเตะทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมาร์ค ฮาเซลดีน ซึ่งเบนเนลล์เคยดูแลสมัยทำงานให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยที่สองรายหลังก็จบชีวิตตัวเองเช่นกัน
ในปี 2015 เบนเนลล์ถูกจำคุกอีก 2 ปีในคดีการล่วงละเมิดทางเพศอดีตนักฟุตบอล เดวิด ลีน ในสโมสรแม็คเคิลส์ฟิลด์ เมื่อปี 1980 และไม่นานมานี้ถูกตัดสินจำคุกเพิ่มอีก 4 ปี
ก่อนที่จะเกิดกระแสที่อาจจะเรียกว่าเป็น #Metoo ของเหล่านักฟุตบอลอังกฤษนับร้อยๆ คน ซึ่งเบนเนลล์เป็นหนึ่งในผู้ที่กระทำผิดมากที่สุด (จำนวนผู้ที่ถูกกระทำตามรายงานมากถึง 60 คน) แต่เขาไม่ได้เป็นแค่คนเดียว
โดยหลังจากที่วูดเวิร์ดได้ออกมาเปิดเผยความลับอันดำมืดแล้ว ทางด้านสมาคมฟุตบอลได้ว่ามอบหมายให้ ไคลฟ์ เชลดอน นักกฎหมายแห่งพระราชินี (Queen’s Counsel) ทำการสืบสวนเรื่องนี้
การสืบสวนกินระยะเวลานานถึง 5 ปี ก่อนที่เชลดอนจะทำรายงานสรุปที่มีความยาวมากถึง 700 หน้าออกมา
โดยความจริงที่ปรากฏนั้นสร้างความตื่นตะลึงซ้ำให้แก่วงการฟุตบอลอังกฤษและวงการฟุตบอลทั่วโลก เมื่อมีผู้ที่ถูกกระทำเป็นเด็กเยาวชนที่เล่นฟุตบอลในระดับรากหญ้าเป็นจำนวนมาก และ แบร์รี เบนเนลล์ ไม่ได้เป็นปีศาจร้ายเพียงคนเดียว เพราะยังมีอีกหลายคน อาทิ จอร์จ ออร์มอนด์, บ็อบ ฮิกกินส์ หรือ แฟรงค์ โรเปอร์ ซึ่งเป็นผู้กระทำต่อ พอล สจวร์ต และเสียชีวิตไปเมื่อปี 2005
ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องที่น่าตกใจกว่าคือการกระทำเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ในวงการฟุตบอล แต่มันเป็นเรื่องที่พร้อมจะเกิดได้ทุกที่ทุกเวลาที่เด็กไปทำกิจกรรมนอกบ้าน โดยที่ไม่มีผู้ปกครองไปเฝ้าดูแลด้วย
พูดง่ายๆ คือลูกของทุกคนสามารถตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ ที่นอกจากจิตใจจะโหดเหี้ยม ถูกความหื่นกระหายครอบงำมโนสำนึกแล้ว ยังใช้ความเป็นผู้ใหญ่ ใช้อำนาจที่พวกเขาไม่มีอยู่จริงทั้งหลอกและข่มขู่เด็กน้อยผู้โชคร้ายด้วย
อย่างไรก็ดี หนึ่งในเรื่องที่น่าเสียใจที่สุดที่พบจากรายงานของเชลดอนคือ การกระทำของคนอันตรายเหล่านี้นั้นไม่ใช่จะไม่รู้ถึงบุคคลในสโมสร ไม่ใช่จะไม่มีคนระแคะระคายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่คนเหล่านี้เลือกที่จะมองข้าม ไม่ใส่ใจ ปิดตาข้างหนึ่ง หรือบางครั้งอาจจะปิดทั้งหูปิดทั้งตาเลยด้วยซ้ำไป
หนึ่งในคนที่ไม่มีใครอยากเชื่อคือ ดาริโอ เกรดี ผู้เป็นตำนานของสโมสรครูว์ และเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมขรัวเฒ่าที่วงการฟุตบอลอังกฤษให้การนับถือมากที่สุด เพราะอยู่คุมทีมมาอย่างยาวนานถึง 24 ปี และรับใช้สโมสรรวมทั้งสิ้น 36 ปีในทุกบทบาท
ในรายงานของเชลดอนพบว่า เกรดีเองก็รับรู้ถึงพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของเบนเนลล์ ที่มีการ ‘ลือเข้าหู’ ของเขา แต่ก็เลือกที่จะไม่ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าจะมีครั้งหนึ่งที่แม่ของเด็กที่เสียหายเขียนจดหมายร้องเรียนเข้ามาถึงเขาก็ตาม
สุดท้ายเกรดีถูกลงโทษ ‘แบนตลอดชีวิต’ จากวงการฟุตบอลมาตั้งแต่ปี 2016 และเรื่องนี้กลายเป็นตราบาปที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของชายวัย 79 ปีที่ออกมากล่าวคำขอโทษต่อผู้ที่ถูกกระทำในครั้งนั้น
แต่ขรัวเฒ่าไม่ได้เป็นคนเดียวที่ควรถูกตำหนิ เพราะคนในวงการมากมายที่ไม่ได้มองเห็นปัญหาที่น่าสะอิดสะเอียนนี้
สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) เองก็สมควรถูกตำหนิไม่แพ้กัน โดยในรายงานของเชลดอนระบุว่า FA นั้นไม่พยายามอย่างดีมากพอในการที่จะจัดการเรื่องนี้หลังเกิดคดีของเบนเนลล์ขึ้นในช่วงปี 1995 มาจนถึงปี 2000 โดยที่แทบไม่รู้หรือคิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา
ไม่ต้องนับในช่วงเวลาหลายสิบปีก่อนหน้านั้น พวกเขาไม่ระแคะระคายเลยด้วยซ้ำ
“ในความเห็นของผม ตั้งแต่เดือนตุลาคม 1995 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2000 FA มีการดำเนินการช้ามากในการที่จะช่วยหาหนทางในการปกป้องเด็กๆ และทำให้มั่นใจได้ว่าเกมฟุตบอลจะเป็นเกมที่ปลอดภัยอย่างจริงจัง ความล้มเหลวนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจแก้ตัวได้”
ตามรายงานของเชลดอน ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในเกมฟุตบอลจนถึงเดือนสิงหาคม 2020 มีทั้งสิ้น 240 ราย และมีอีก 692 รายที่รอดพ้นมาได้
แต่ถึงรอดมาได้ความทรงจำก็ยังเป็นฝันร้าย และไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็น
ภาพ: จากหนังสือ Position of Trust, Andy Woodward
ภาพถ่ายของ แอนดี วูดเวิร์ด ในวัย 10 ขวบ ที่ไม่มีทางรู้เลยว่าอีกหลายปีข้างหน้าชีวิตของเขาจะตกอยู่ในฝันร้ายชั่วนิรันดร์
แสงสว่างในวันที่มืดมน
จากบทสรุปในรายงานของเชลดอน มาร์ค บัลลิงแฮม ประธานบริหารของ FA บอกว่า
“มันคือวันที่มืดมนอนธการที่สุดในเกมฟุตบอลที่งดงาม”
หลังปี 2000 ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของเด็กๆ จะได้รับการใส่ใจขึ้นมาก และชีวิตของเด็กทุกวันนี้ก็ปลอดภัยกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีใครที่แน่ใจอะไรได้ทั้งนั้น
สิ่งที่ดีที่สุดจากรายงานของเชลดอน ในความเห็นของคนที่เคยเจ็บปวดและยังเจ็บปวดอยู่อย่าง พอล สจวร์ต คือข้อแนะนำ 13 ประการที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น
เพียงแต่ในความรู้สึกของสจวร์ตเอง เขาก็ยังอดเป็นห่วงกีฬาในระดับรากหญ้าที่การปกป้องดูแลอาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะตามตัวเลขสถิติแล้วจะมีอาสาสมัครเพียงหนึ่งคนที่ทำงานในการช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่เด็กทั้งชายและหญิงจำนวน 1,500 คน
1:1,500 มันช่างน้อยนิดเหลือเกิน
และในความรู้สึกของเขา ถึงทุกวันนี้หลายอย่างจะดีขึ้นมาก และในเกมฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาลก็ถือว่าโชคดีกว่าอีกหลายประเภทกีฬาที่ไม่มีงบประมาณจะดูแลเด็กได้แบบเดียวกัน เช่น ในกีฬายิมนาสติกที่ระยะหลังมีการเปิดเผยเรื่องราวอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับนักกีฬาจำนวนมาก
แต่เราไม่อาจประมาทได้
ปัจจุบันสจวร์ตเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานกับฟุตบอลลีก (English Football League) ในการให้คำแนะนำและช่วยเหลือเด็ก โค้ช และครอบครัวของพวกเขา ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพื่อปกป้องไม่ให้เด็กคนไหนต้องมาเจอฝันร้ายแบบนี้อีก
บางทีอาจจะไม่ต้องมีบทบาทหรือหน้าที่โดยตรงก็ได้
แค่เพียงช่วยสอดส่อง ดูแล ใส่ใจ และพร้อมรับฟังหากมีเด็กสักคนตัดสินใจที่จะเดินมาเพื่อบอกเล่าในสิ่งที่เขาไม่อยากจดจำ
เมื่อถึงเวลานั้นได้โปรดสวมกอดและกางปีกเพื่อปกป้องพวกเขา
จริงอยู่ที่เรื่องที่เล่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในอังกฤษ และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตหลายสิบปีก่อน
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดขึ้นในที่อื่น – ซึ่งรวมถึงในประเทศไทย ที่ผมอยากฝากให้พ่อแม่ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานของท่านให้ดี – และไม่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เด็กๆ เหล่านี้มีความฝันอันยิ่งใหญ่
ได้โปรดอย่าให้คนชั่วที่ไหนมาพรากมันไปจากพวกเขาได้อีกเลย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2016/nov/16/andy-woodward
- https://www.theguardian.com/football/2021/mar/17/key-figures-and-findings-in-football-sexual-abuse-report
- https://www.theguardian.com/football/2021/mar/17/sheldon-report-into-sexual-abuse-details-the-horror-in-the-beautiful-game
- https://www.theguardian.com/football/2021/mar/18/former-crewe-manager-dario-gradi-banned-for-life-from-football
- https://www.theguardian.com/football/2021/mar/17/football-sexual-abuse-report-scandal-sheldon-fa
- https://edition.cnn.com/2021/03/20/football/football-child-abuse-report-paul-stewart-cmd-spt-intl/index.html
- https://www.entertainmentdaily.co.uk/tv/where-is-abuser-barry-bennell-now-and-what-happened-to-andy-woodward/
- https://www.bbc.co.uk/sport/football/56378292
- แอนดี วูดเวิร์ด ได้เขียนหนังสือ Position of Trust เกี่ยวกับความฝันของเขาในวัยเด็กที่ถูกทรยศโดยโค้ชจากนรก โดยเจ้าตัวเชื่อว่าการออกมาเปิดเผยเรื่องราวของเขาจะช่วยหยุดไม่ให้เด็กหรือผู้ใหญ่ที่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายแบบเดียวกันในวัยเด็กตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
- ปัจจุบัน แบร์รี เบนเนลล์ ถูกตัดสินจำคุกรวมทั้งสิ้น 34 ปี และคาดว่าจะใช้ชีวิตจนหมดลมหายใจอยู่ในคุก
- สถานีโทรทัศน์ BBC ได้ฉายสารคดี Football’s Darkest Secret ซึ่งเปิดเผยชีวิตของ ‘เหยื่อ’ 4 รายคือ วูดเวิร์ด, สจวร์ต, เอียน แอกลีย์ และ ดีน แรดฟอร์ด ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา โดยสารคดีมีความยาว 3 ตอน และฉายตอนแรกไปเมื่อวันจันทร์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา