แฮร์รี เคน สะกิดบอลต่อให้ซนฮึงมิน โขกตุงตาข่ายและเป็นประตูชัยให้ ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ บุกคว้าชัยชนะเหนือเบิร์นลีย์ได้สำเร็จในเกมพรีเมียร์ลีกนัดมันเดย์ไนต์ในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
ถึงมันจะไม่ได้เป็นการประสานงานที่ดูสวยงามอะไร แต่ประตูนี้เป็นประตูที่ 9 แล้วในการประสานงานของคู่นี้ และเป็นประตูที่ 29 ของคู่ขวัญคู่ใหม่สำหรับสเปอร์สที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
เคน ให้สัมภาษณ์กับ BBC Sport ถึงผลงานการจับคู่กันว่า “มันเยี่ยมมาก! ผมและซนเล่นเข้ากันได้ดีมากในช่วงนี้ และหวังว่ามันจะดำเนินต่อไปในแบบนี้
“ผมคิดว่าเราเข้าใจกันมากขึ้นเมื่อผมถอยลงมาต่ำเพื่อให้เขาขยับเติมเข้าไปในพื้นที่หลังแนวรับ และนั่นคือความแตกต่าง แต่ก็มีเรื่องของความมั่นใจด้วย เพราะขนาดวันนี้มันไม่ได้เป็นการผ่านบอลที่ดีอะไรเลยแต่มันก็ยังดีสำหรับซนนี”
สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากคือการปรับตัวของทั้งคู่ ที่ดูเหมือนจะเกิดการแลกเปลี่ยนบทบาทระหว่างกัน โดยซนฮึงมินกลายเป็น ‘ตัวจบสกอร์’ ที่พร้อมจะใช้ความเร็วและความแข็งแรงที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้สบายๆ โดยในเวลานี้เขาทำไปแล้วถึง 8 ประตู นำเดี่ยวในทำเนียบดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก
ขณะที่เคน ดูเหมือนจะค้นพบบทบาทใหม่ในฐานะ ‘นักปั้น’ กับการผ่านบอลให้เพื่อนทำประตู หรือการแอสซิสต์ไปแล้วถึง 8 ครั้งจาก 6 เกมในพรีเมียร์ลีก แต่ก็ยังไม่ได้สูญเสียสัญชาตญาณของกองหน้าไปแต่อย่างใด โดยทำไปแล้ว 5 ประตู
และนั่นทำให้กัปตันทีมชาติอังกฤษกลายเป็นเจ้าของสถิติของพรีเมียร์ลีกเมื่อมีส่วนร่วมกับการได้ประตูถึง 13 ลูกจากการเล่นแค่ 6 นัด (5 ประตู 8 แอสซิสต์)
ความยอดเยี่ยมนี้หลายคนยกให้เป็นความดีความชอบของนายใหญ่อย่าง โชเซ มูรินโญ ที่ดูเหมือนจะเริ่มพิสูจน์ฝีมือของตัวเองให้ทุกคนได้เห็นว่ายังไม่สิ้นลาย The Special One และกำลังทำให้สเปอร์สกลายเป็น The Special Team
แต่มูรินโญ กลับบอกว่าความดีความชอบทั้งหมดนี้ต้องยกให้กับ เมาริซิโอ โปเชตติโน อดีตนายใหญ่แห่งไวต์ฮาร์ตเลน (ชื่อสนามเดิมของสเปอร์ส) ด้วย เพราะเป็นคนที่จับทั้งซนและเคนเล่นร่วมกันมาอย่างยาวนาน ความเข้าใจระหว่างทั้งคู่ไม่ได้เพิ่งเริ่มในยุคของเขา
“ความเข้าใจของทั้งสองคนนี้เริ่มมาตั้งแต่ยุคของเมาริซิโอ (โปเชตติโน)” มูรินโญกล่าว “ผมไม่อยากเอาความดีความชอบไปคนเดียว อยากให้แบ่งให้เมาริซิโอด้วยเพราะสองคนนี้เล่นด้วยกันมานานแล้ว เพียงแต่อาจจะมีอะไรที่แตกต่างออกไป เพราะตอนนี้แฮร์รี (เคน) ไม่ได้เล่นในบทหมายเลข 9 แล้ว
“สิ่งที่ทำให้ผมพอใจมากกว่าเกี่ยวกับสองคนคือ การที่นักเตะระดับท็อปทั้งสองคนนี้คือการที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ไม่มีความอิจฉาซึ่งกันและกัน ทั้งสองเล่นเพื่อทีม”
แฮร์รี เคน กับการตีความบทบาทใหม่
ในช่วง 1-2 ฤดูกาลที่ผ่านมามีช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าเคน จะสูญเสียความพิเศษในการเล่นไป เมื่อบทบาทกองหน้าตัวเป้าของเขากลายเป็นเป้านิ่งที่คู่ต่อสู้สามารถหาวิธีรับมือได้สำเร็จ และผลของมันทำให้สเปอร์สกลายเป็นทีมที่ไม่มีอันตรายไปด้วย
แต่ในฤดูกาลนี้ดูเหมือนเคนจะพบทางเดินใหม่ของชีวิต จากกองหน้าที่เกิดมาเพื่อยิงเป็นหลัก มาเป็นกองหน้าที่เล่นเพื่อเปิดทางให้คนอื่นเป็นหลัก
เรื่องนี้ฟังจากใครก็ไม่ดีเท่าฟังจากปากของเจ้าตัว
“ตอนที่เจ้านายเข้ามาทำทีมเขาบอกกับผมว่าในเวลาที่ผมโรยตัวลงมาต่ำจะเป็นเวลาที่ปีกจะเจาะเข้าไปหลังแนวรับคู่ต่อสู้ ซึ่งความจริงมันเป็นสิ่งที่ผมทำมาสักพักแล้ว แต่ผมคิดว่าเราเริ่มได้เห็นผลลัพธ์ของมันแล้วในเวลานี้”
นอกจากการลดบทบาทดาวยิงเพิ่มบทบาทนักปั้นแล้ว เคนยังมีส่วนร่วมกับเกมรับมากขึ้น โดยในเกมที่เทิร์ฟมัวร์ เขาช่วยชีวิตทีมได้ด้วยการสกัดบอลจากเส้น และพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะหยุดเกมรุกของเจ้าบ้านให้ได้ ซึ่งสำหรับมูรินโญแล้ว ต่อให้จะสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่ต่อสู้ได้แค่ 4 ครั้งทั้งเกม และไม่ได้ยิงเข้ากรอบเลยก็ไม่เป็นไร เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการจะเป็นผู้ชนะ
“ในช่วงท้ายเกมเขาพยายามเพรสซิง พยายามที่จะเสียบสกัดบอล พยายามจะหยุดเกมรุกให้ได้ ซึ่งในเวลาที่เราต้องการชัยชนะ เราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อทีม ไม่มีพื้นที่ให้แก่คนที่เล่นเพื่อตัวเองหรืออภิสิทธิ์ชนอะไร แฮร์รีเป็นคนมีสปิริตและเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเล่นได้ดีแบบนี้ภายใต้โค้ชทุกคน
“กับวิธีการเล่นของทีมแบบนี้ เขาดูผ่อนคลายมากเพราะเขาเก่งเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษ และยังยอดเยี่ยมมากต่อให้อยู่นอกกรอบเขตโทษ”
สำหรับสิ่งที่เคนกำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับยอดศูนย์หน้าในอดีตอย่าง อลัน เชียเรอร์ เจ้าของสมญา ‘ฮอตชอต’ ที่มีการปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นใหม่เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ ลีออน ออสแมน อดีตดาวเตะทีมเอฟเวอร์ตันที่ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับ BBC มองไว้อย่างน่าสนใจ
“แฮร์รี เคน ไม่มีความเร็วสายฟ้าฟาดขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงถอยลงมาเล่นแบบไม่เห็นแก่ตัว และเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ ส่วนเรื่องจำนวนประตูของเขาจะไม่กระทบ เพราะเขาได้พัฒนาการเล่นของตัวเองให้ครบเครื่องขึ้น
“ลองดู อลัน เชียเรอร์ ปกติแล้วเป็นกองหน้าที่ทรงพลังอย่างมากในช่วงวัยหนุ่ม แต่จากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยนสไตล์มาเน้นเก็บบอลมากขึ้น และใช้การครอสเป็นหลักเมื่ออายุมากขึ้น”
สำหรับเคน เขาเชื่อว่าทีมชุดนี้มี ‘อะไรบางอย่างที่พิเศษ’
“เรารู้ว่าทีมของเราและนักเตะที่เรามีอยู่นั้นสามารถทำสิ่งที่พิเศษได้ ตอนนี้ยังเร็วเกินไป (ที่จะพูดถึงเรื่องของการลุ้นแชมป์) เราต้องดูกันไปนัดต่อนัด ผมรู้ว่ามันมีสิ่งที่น่าสนใจ แต่เรายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกมาก และต้องพยายามกันต่อไป แต่ผมคิดว่าชัยชนะในคืนนี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่เราได้มาก” เคนกล่าว
“มันเป็นเกมในแบบที่เราต้องการ 3 คะแนนถ้าอยากจะไต่อันดับขึ้นไปในช่วงสุดท้ายของฤดูกาล”
ชัยชนะในเกมนี้ทำให้สเปอร์สขยับอันดับขึ้นจากที่ 11 ไปอยู่ที่ 5 และมีแต้มตามหลังจ่าฝูงอย่างเอฟเวอร์ตันแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
แต่มันจะนำไปสู่การคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ปี 1961 หรือไม่นั้น ถึงยากจะตอบตอนนี้
แต่อย่างน้อยที่สุดสเปอร์สก็กลับมาเป็นทีมที่ดี และน่าติดตามอีกครั้งด้วยคู่มหาประลัยคู่นี้ (ไม่นับ แกเร็ธ เบล ที่รอเรียกฟอร์มอีกคน!)
ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: