หลังจากที่ขึ้นโชว์สุดอลังการเปิดงานออสการ์ ครั้งที่ 91 ณ โรงละครดอลบี้ เธียเตอร์ ไปเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาสหรัฐอเมริกา ล่าสุดวงร็อกระดับตำนานอย่าง Queen ที่นำโดย ไบรอัน เมย์, โรเจอร์ เทย์เลอร์ และนักร้องนำคนปัจจุบันอย่าง อดัม แลมเบิร์ต ก็ได้ออกมาประกาศรายละเอียดภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ของวงที่ชื่อ The Show Must Go On: The Queen + Adam Lambert Story ซึ่งจะเปิดตัวและถ่ายทอดสดเป็นครั้งแรกผ่านทางสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ABC ในวันจันทร์ที่ 29 เมษายน ซึ่งชื่อเรื่องได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง The Show Must Go On แทร็กสุดท้ายของ Innuendo (1991) สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 14 ของ Queen
https://www.youtube.com/watch?v=XwbCfVEB5EM&feature=youtu.be
The Show Must Go On: The Queen + Adam Lambert Story เป็นภาพยนตร์สารคดีความยาว 2 ชั่วโมง ว่าด้วยเรื่องราวการทำงานของ Queen และอดัม แลมเบิร์ต ตลอดช่วงเวลาเกือบสิบปี ผ่านฟุตเทจการแสดงคอนเสิร์ตที่หายาก เบื้องหลังการทำงานต่างๆ ของวง และบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจากสมาชิกวง รวมไปถึงนักแสดงที่เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์มาสดๆ ร้อนๆ อย่าง รามี มาเลก โดยภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้จะได้ จิม บีช ผู้จัดการวง และไซมอน ลัปตัน มาเป็นผู้ควบคุมการผลิต
สำหรับไซมอน ก่อนหน้านี้เขาเคยทำภาพยนตร์สารคดีของวง Queen มาแล้วถึง 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ Queen At Wembley (1986), Super Live in Japan (2006), Queen: Days of Our Lives (2011) และ A Night in Bohemia (2016)
โดยนี่ก็ถือเป็นอีกครั้งที่เรื่องราวของ Queen จะถูกนำมาเล่าผ่านภาพยนตร์ แต่ถ้าจะให้พูดถึงภาพยนตร์ของ Queen ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตั้งแต่มีการสร้างมาก็คงต้องยกให้ Bohemian Rhapsody ที่เพิ่งคว้า 4 รางวัลออสการ์จากการเข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (รามี มาเลก), ลำดับเสียงยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม และตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทั้งยังขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ชีวประวัติทางดนตรีที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลด้วยการกวาดรายได้ทั่วโลกไปได้มากกว่า 860 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่กำลังจะปล่อยออกมาในช่วงหน้าร้อนนี้ ไล่ๆ กับที่วง Queen และอดัม แลมเบิร์ต จะออกทัวร์คอนเสิร์ตโซนอเมริกาเหนือในชื่อ The Rhapsody Tour โดยจะเริ่มจากโรเจอร์ อารีนา เมืองแวนคูเวอร์ ในวันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคมนี้เป็นที่แรก
ภาพ: Aaron Poole / ©A.M.P.A.S.
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: