×

The Secret Garden นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงยอมรับกับทุกความจริงตรงหน้าเพื่อเปิดประตูสู่ดินแดนมหัศจรรย์

30.08.2020
  • LOADING...
the secret garden แมรี่ เลนน็อกซ์ (ดิกซี เอเกอริกซ์) ในชุดสีม่วง หมวกสีฟ้า อยู่ในป่า

นิทานเรื่องสุดท้ายที่ได้อ่านคือเรื่องอะไร

 

นี่คือคำถามที่ลอยขึ้นมาหลังจากที่ได้รับชม The Secret Garden พร้อมความรู้สึกที่ว่าเวลานี้เราแทบหลงลืมความทรงจำที่ได้ฟังและอ่านนิทานในวัยเด็กไปจนหมด 

 

จนได้มาพบความมหัศจรรย์ในระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่ The Secret Garden ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้กลับไปนั่งอ่านนิทานในวัยเด็กอีกครั้ง เพียงแต่นิทานเรื่องนี้ถูกเล่าในรูปแบบภาพยนตร์ที่ยังชวนให้เราคิดหลังออกจากโรงว่า ‘นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…’ 

 

 

The Secret Garden ว่าด้วยเรื่องราวของ แมรี่ เลนน็อกซ์ (ดิกซี เอเกอริกซ์) เด็กสาวกำพร้าที่ต้องจำใจออกเดินทางเพื่อเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หลังโตของลุงผู้เย็นชา (โคลิน เฟิร์ธ) เธอถูกกักบริเวณไม่ให้ออกจากห้อง ห้ามเดินเพ่นพ่านบริเวณคฤหาสน์โดยเด็ดขาด การดำเนินชีวิตบนคฤหาสน์หลังโตของเธอจึงดูไม่น่าอภิรมย์เท่าไรนัก 

 

กระทั่งวันหนึ่งแมรี่ได้พบกับ โคลิน (เอเดน เฮย์เฮิร์สต์) ลูกชายของลุงที่มักจะนอนอยู่แต่ในห้องเพราะอาการป่วย แมรี่จึงแอบพาโคลินออกจากห้องนอนเพื่อให้เขาได้เห็นโลกภายนอก จนพวกเขาได้ค้นพบสวนวิเศษสุดมหัศจรรย์ที่นำชีวิตชีวามาสู่พวกเขาอีกครั้ง

 

 

The Secret Garden คือผลงานจาก Heyday Films สตูดิโอผู้รังสรรค์โลกแห่งเวทมนตร์จากภาพยนตร์ชุด Harry Potter ทำให้เราค่อนข้างคาดหวังอยู่พอสมควรว่าเหล่าทีมผู้สร้างจะรังสรรค์ความมหัศจรรย์ของสวนแห่งความลับออกมาในรูปแบบไหน

 

ซึ่งพวกเขาก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง โดยเฉพาะงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่ทีมผู้สร้างตีความและถ่ายทอดออกมาจากวรรณกรรมต้นฉบับของ ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ ทั้งบรรยากาศอันรื่นรมย์ของสวนแห่งความลับ เหล่าพรรณไม้ที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปตามแรงลม กิ่งก้านของต้นไม้ใบหญ้าที่เคลื่อนที่ไปมาอย่างอิสระ ฯลฯ (ทุกอย่างทำได้ดีจนเรารู้สึกอยากเห็นมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะแอบรู้สึกว่าฉากและสถานที่ต่างๆ ในเรื่องค่อนข้างมีน้อยเกินไป) 

 

และเมื่อรวมเข้ากับซาวด์เอฟเฟกต์และดนตรีประกอบที่เข้ามากำกับความรู้สึกให้กับผู้ชม ก็ยิ่งแต่งเติมให้บรรยากาศของสวนแห่งความลับมีมนต์เสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม

 

อีกหนึ่งประเด็นที่เรารู้สึกชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คือการไล่ระดับของโทนภาพที่สอดคล้องไปกับการเติบโตของตัวละครภายในเรื่อง เริ่มต้นจากโทนภาพหม่นๆ ที่สะท้อนถึงห้วงอารมณ์อันเศร้าหมองของตัวละคร ก่อนที่โทนภาพจะค่อยๆ ถูกเติมแต่งด้วยสีสันที่สดใสมากขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเปลี่ยนแปลงของตัวละคร

 

 

เรื่องหนึ่งที่เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของเรื่องคือเนื้อเรื่องที่ถูกขับเคลื่อนไปด้วยความเรียบง่าย ไม่ได้เข้มข้นและซับซ้อนจนเราสามารถคาดเดาเนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก แต่ความเรียบง่ายนั้นก็ทำให้เราโฟกัสกับประเด็นเรื่องการ ‘เรียนรู้และเติบโต’ ของตัวละครในเรื่องได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องตีความซับซ้อนให้สับสน

 

แมรี่ เด็กสาวจอมแก่นที่ถูกชุบเลี้ยงมาเป็นอย่างดีจนทำอะไรไม่เป็น แต่หลังจากที่สูญเสียพ่อแม่และต้องย้ายมาอยู่กับคุณลุงเจ้าระเบียบ เธอจึงต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและจมปลักอยู่กับเรื่องราวในอดีต และโคลิน เด็กหนุ่มจอมโวยวายที่ร่างกายไม่แข็งแรงจนต้องนอนซมอยู่แต่ในห้องโดยไม่ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน

 

ซึ่งเรื่องราวของเขาและเธอที่ต้องเติบโตขึ้นหลังต้องเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยวและจมปลักอยู่กับอดีตที่สูญเสียคนในครอบครัวไป ถือเป็นเรื่องราวที่ส่งมอบพลังบวกและสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี

 

รวมถึงสองนักแสดงนำอย่าง ดิกซี เอเกอริกซ์ (The Little Stranger) และเอเดน เฮย์เฮิร์สต์ (Genius) ก็สามารถถ่ายทอดบทบาทของสองตัวละครหลักอย่างแมรี่และโคลินออกมาได้อย่างน่าสนใจ 

 

รวมถึง โคลิน เฟิร์ธ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง The King’s Speech ที่มารับบทเป็นคุณลุงเจ้าระเบียบ ที่ถึงแม้จะเป็นตัวละครรองที่ปรากฏตัวไม่บ่อยนัก แต่โคลินก็ยังคงเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่เราไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ในทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว

 

 

อย่างที่เรากล่าวไปในตอนต้นว่าความรู้สึกของเรา The Secret Garden คือภาพยนตร์ที่ชวนให้เรารู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิทานเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ การดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย ความมหัศจรรย์ของสวนแห่งความลับ และเรื่องราวแห่งการเติบโตของเหล่าตัวละครหลัก 

 

ซึ่งถ้าหากเราเปรียบ The Secret Garden เป็นนิทาน อะไรคือสิ่งที่นิทานเรื่องนี้กำลังสอนเรา

 

สำหรับเรา เรื่องราวของแมรี่และโคลินกำลังย้ำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการ ‘ยอมรับ’ กับทุกความจริงที่เกิดขึ้น ทั้งการสูญเสีย ความล้มเหลว ความเจ็บปวด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความจริงที่ทุกคนไม่อยากพบเจอ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว บางทีการพยายามหลีกหนีจากความจริงก็อาจทำให้เราวิ่งวนอยู่กับความทุกข์ที่ไม่มีทางออกก็เป็นได้

 

แต่หากเราลองหยุดอยู่กับที่และลองเผชิญหน้ากับความจริงที่เกิดขึ้น บางทีทางออกจากวังวนเหล่านั้นอาจจะอยู่ใกล้เกินกว่าที่เราคิดก็เป็นได้ 

 

แล้วสำหรับพวกคุณล่ะ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอะไร 

 

The Secret Garden มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 3 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ The Secret Garden ได้ที่

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X