The Power of the Dog ภาพยนตร์เข้าชิง 12 รางวัลออสการ์ ประจำปี 2022 หรือ The Academy Awards ครั้งที่ 94 นับเป็นออริจินัลคอนเทนต์ของ Netflix ที่ร่วมงานกับ Jane Campion ผู้กำกับหญิงชาวนิวซีแลนด์ เจ้าของผลงาน The Piano (1993) นำแสดงโดย Benedict Cumberbatch, Kirsten Dunst, Jesse Plemons, Kodi Smit-McPhee
เล่าเรื่องราวย้อนไปในปี 1925 รัฐมอนทานา สหรัฐอเมริกา Phil และ George สองพี่น้องตระกูล Burbank เป็นเจ้าของฟาร์มขนาดใหญ่ที่เป็นสมบัติสืบทอดมาจากตระกูล พวกเขาแม้ว่าจะเป็นพี่น้องแต่ก็แตกต่างกันเหลือเกิน Phil พี่ชายชอบอยู่กับกลุ่มคาวบอย ทำงานกลางแจ้ง หยาบคาย เย็นชา ดูถูกถากถางน้องชายอยู่บ่อยครั้ง ส่วน George น้องชายดูจะอ่อนโยนกว่า แต่งตัวสุภาพ มารยาทดี และแม้จะโดนถากถางอยู่เป็นประจำ ก็เหมือนกับว่าเขาทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมันนัก
จนวันหนึ่งเมื่อ George แต่งงานกับ Rose แม่หม้ายลูกติด และย้ายมาอยู่ร่วมบ้านกับ Phil ความอึดอัดอันนำไปสู่ปัญหาทั้งปวงได้เริ่มต้นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อ Peter ลูกชายของ Rose ปิดเทอมฤดูร้อนและกลับมาอยู่ที่ฟาร์ม เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ชายแบบเดียวกับ Phil
- Benedict Cumberbatch รับบท Phil พี่ชายวางอำนาจของ George เจ้าของฟาร์มในมอนทานา
- Kirsten Dunst รับบท Rose หญิงหม้ายที่แต่งงานใหม่
- Jesse Plemons รับบท George น้องชาย Phil ที่ต้องการได้รับการยอมรับทางสังคม
- Kodi Smit-McPhee รับบท Peter เด็กหนุ่มเรียนวิทยาลัยแพทย์ ลูกชายอ้อนแอ้นบอบบางที่รักแม่
The Power of the Dog นอกจากภาพสวยระดับเทพ และงานโปรดักชันยิ่งใหญ่สะท้อนชีวิตคาวบอยยุค 20 ต้องยอมรับว่าการแสดงของ Benedict Cumberbatch, Kirsten Dunst, Jesse Plemons, Kodi Smit-McPhee ล้วนถ่ายทอดมิติอารมณ์ข้างในตัวละครไปตามเรื่องราว เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดไคลแมกซ์ช่วงท้ายที่คล้ายเป็นระเบิดเวลา
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของเรื่อง
Benedict Cumberbatch กับการสวมบทบาท Phil Burbank
Phil Burbank นับว่าเป็นตัวละครหลักของ The Power of the Dog เป็นแกนเรื่องที่มองจากภายนอกมีภาพลักษณ์ของพี่ใหญ่เจ้าของฟาร์มผู้ทรงอิทธิพล การทำงานของเขาล้วนแสดงอำนาจ บารมี เพื่อคุมเหล่าคาวบอยให้อยู่มือ ดังจะเห็นได้จากฉากที่เขาตอนวัวด้วยมือเปล่ามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง, ไม่ยอมขายหนังวัวแต่สุมเป็นกองใหญ่และเผาทิ้ง, การถากถางน้องชายตัวเองอยู่ตลอด ไร้มารยาท และยังคอยดูถูกภรรยาหม้ายของน้องชาย รวมถึงลูกชายที่ดูตุ้งติ้งจนเรียกได้ว่าเป็นการบูลลี่เด็กหนุ่มอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน The Power of the Dog ก็พาเราลงลึกไปในพื้นที่ส่วนตัวของ Phil ที่หากพิจารณาโดยละเอียด เขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเยล เป็นคนมีการศึกษา แต่กลับกลายมีชีวิตในขั้วตรงข้าม รวมถึงป่าลึกลับที่เขามักใช้เวลาเพียงลำพังในนั้นนานๆ ซึ่งหลายฉากที่ส่วนตัวมากๆ เป็นการเปิดเผย ‘ข้างใน’ที่เขาเก็บซ่อนไว้มิดชิดตลอดมา และทำให้เราได้เห็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยมีใครย่างกรายเข้าไปมาก่อน
สำหรับ Benedict Cumberbatch เขาย้ายไปอยู่ที่มอนทานาราว 9 เดือน ใช้ชีวิตแบบเดียวกับ Phil Burbank เพื่อซึมซับตัวละครนี้เข้าไปในเนื้อหนัง ไม่ใช่แค่ฝึกขี่ม้า เลี้ยงสัตว์ มวนยาสูบด้วยมือเดียว แต่อยู่ในคาแรกเตอร์ Phil Burbank ตลอดการถ่ายทำแม้ว่าจะไม่ได้เข้าฉากก็ตาม นอกจากนี้เขายังไม่อาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าเดิมที่เข้าฉากโดยไม่ซัก และฝึกเล่นแบนโจอย่างหนัก เพื่อให้เขากลายเป็น ‘Phil’ ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
การสร้างอำนาจและความแข็งแกร่งเพื่อปกปิดตัวตน
ขณะที่ Phil ใช้ท่าทีแข็งแกร่งเพื่อแสดงอำนาจที่เหนือกว่า Peter กลับเลือกใช้ภาพความอ่อนแอ อ่อนต่อโลกให้คนภายนอกเห็น แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นทางเลือกในการ ‘เล่นเกม’ เพื่อความอยู่รอดในยุคสมัยนั้น ที่การเป็นนอกเหนือจากเพศหญิง-ชาย ไม่ได้เป็นที่ยอมรับ
เมื่อสังคมไม่มีพื้นที่ให้พวกเขา ก็อาจเป็นได้ที่จะพลิกคนคนหนึ่งให้กลายเป็นคนอีกคนหนึ่ง Phil ยกย่อง Bronco Henry ในฐานะเพื่อนที่เป็นมากกว่าเพื่อน ผู้สอนวีถีลูกผู้ชายให้เขา สิ่งต่างๆ ที่ Bronco ถ่ายทอดยังคงอยู่ในตัวของ Phil อย่างไม่อาจลืม
ส่วน Peter ที่ดูมีความเป็นหญิงปรากฏค่อนข้างชัด ผ่านงานประดิษฐ์ดอกไม้ การแต่งตัวอย่างที่เหล่าคาวบอยมองว่าไม่แมนสักเท่าไร และก็เป็น Phil เองที่พยายามฝึกให้เขาเป็นผู้ชายขึ้นด้วยการสอนขี่ม้า พาเข้าป่า รวมถึงการถักเชือกเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการล่าสัตว์ที่แสดงความเป็นชายที่แท้จริง
The Power of the Dog เหมือนมอบความหมายแบบนั้น แต่ความหมายระหว่างบรรทัดก็พอจะมองเห็นและคิดตามได้ว่า Phil มีความรู้สึกแบบชายรักชาย โดยเฉพาะกับ Bronco ที่เขายกย่อง ดังจะเห็นได้จากฉากสำคัญในป่าลับ ผ้าพันคอ หนังสือของ Bronco ที่เขาเก็บไว้ และเมื่อได้เจอกับ Peter แม้ภาพยนตร์จะไม่ได้อธิบายโจ่งแจ้ง แต่เชื่อได้ว่า Phil ต้องการเด็กหนุ่มคนนี้
ซึ่งแม้ว่า Phil จะทำเปลือกให้ดูแข็งแกร่งอย่างไร สุดท้าย ‘อำนาจ’ จะอยู่ในมือคนที่เล่นเกมเป็น และคุมเกมทั้งหมดเอาไว้ได้
“Bronco Henry บอกกับฉันว่า บุรุษเข้มแข็งเพราะอดทนต่อขวากหนาม” – Phil
นัยที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่าง Phil และ Bronco มีจำนวนไม่น้อยใน The Power of the Dog ทั้งภาพภูเขาที่เป็นฉากหลังของฟาร์ม อานม้าที่มีชื่อ Bronco Henry ผ้าพันคออักษรย่อ H.B. ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลภาพยนตร์ก็ไม่ได้เปิดเผยที่มาที่ไปมากนักว่าระหว่างเขาสองคนคือความรัก ความหลงใหล หรืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ Phil ติดอยู่ในความรู้สึกนั้นกับ Bronco Henry จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกหลายสิบปี
การเข้ามาของ Peter ก็อาจเป็นการซ้ำรอยเดิมความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่ว่า Peter ไม่ใช่คนอ่อนโยนหรืออ่อนแออย่างที่ Phil คิด ลงท้ายตัวละครที่น่าสงสารที่สุดก็อาจเป็นตัว Phil เองก็เป็นได้
ความรู้สึกทับซ้อน ในดินแดนคาวบอยยุค 20
สังคมชาย-หญิงที่ได้รับการยอมรับ เป็นภาพลักษณ์ที่เราคุ้นเคย แต่การมีความรักให้กับคนเพศเดียวกันในเวลานั้น แม้ว่าไม่ได้รับการยอมรับ แต่ใช่ว่าไม่มีอยู่จริง
Thomas Savage แต่งนิยาย The Power of the Dog ในปี 1967 อ้างอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวเมื่อเขาเดินทางไปอยู่กับแม่ที่แต่งงานเข้าไปในครอบครัวเจ้าของฟาร์ม ส่วนตัว Thomas Savage เองก็มีความคล้ายคลึงคาแรกเตอร์ของ Peter แม้ว่าตัวเขาเองจะแต่งงานมีครอบครัวในภายหลังก็ตาม
Jane Campion ผู้กำกับภาพยนตร์ ให้สัมภาษณ์ว่า เธอและทีมงานเคยได้เห็นภาพถ่ายของผู้คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังสือเรื่องนี้ รวมถึงคนที่ทางครอบครัวของ Thomas Savage เชื่อว่าน่าจะเป็น Bronco Henry เมนเทอร์คนสำคัญของ Phil Burbank
The Power of the Dog ชื่อภาพยนตร์มาจากประโยคหนึ่งในคัมภีร์ไบเบิลว่า “Deliver my soul from the sword; my darling from the power of the dog.” ซึ่งอาจเป็นความหมายแฝงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา Phil, Rose และ Peter
ตัวอย่างภาพยนตร์ The Power of the Dog