เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์สงครามที่หยิบเอาเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงของทหารกล้ามาถ่ายทอดให้เราได้รับชมกันอีกครั้งสำหรับ The Outpost ฝ่ายุทธภูมิล้อมตาย การันตีคุณภาพโดยนักวิจารณ์จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่ให้คะแนนมะเขือเทศสดไว้สูงถึง 92% 5 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
The Outpost คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือขายดีชื่อ The Outpost: An Untold Story of American Valor ของ เจค แทปเปอร์ ผู้ประกาศข่าว CNN และหัวหน้าผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ The Washington Post
โดยบอกเล่าเรื่องราวของทหารอเมริกันจำนวน 54 นายที่ต้องเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของกลุ่มก่อการร้ายตอลิบันกว่า 400 คนที่มาพร้อมกับอาวุธครบมือ ท่ามกลางสงครามที่กำลังปะทุขึ้น ณ ประเทศอัฟกานิสถานในปี 2009 โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นที่รู้จักในชื่อ สมรภูมิคัมเดช หรือ The Battle of Kamdesh ซึ่งถือเป็นสมรภูมิของชาวอเมริกันที่นองเลือดที่สุดในสงครามอัฟกานิสถาน
กำกับภาพยนตร์โดย ร็อด ลูรี ผู้กำกับเจ้าของผลงานดราม่าสุดเข้มข้นอย่าง The Contender (2000) พร้อมด้วย เจฟฟรีย์ กรีนชไตน์ โปรดิวเซอร์มือทองจากภาพยนตร์แอ็กชันเรื่องเยี่ยมอย่าง Angel Has Fallen (2019) และแฟรนไชส์แอ็กชันสุดมันอย่าง The Expendables มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์
เสริมทัพด้วย พอล ทามาซีย์ และ เอริก จอห์นสัน สองมือเขียนบทเจ้าของผลงาน Patriots Day (2016) และ The Fighter (2010) มารับหน้าที่เรียบเรียงเรื่องราวจากหนังสือ The Outpost: An Untold Story of American Valor มาถ่ายทอดผ่านบทภาพยนตร์ และได้ พี เอริก คาร์ลสัน ผู้ออกแบบการสร้างฝีมือเยี่ยมที่ออกตระเวนหาข้อมูลจากเหล่าทหารผ่านศึกและญาติสนิทของผู้วายชนม์ เพื่อสร้างสรรค์ค่ายคีทติ้งซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของเรื่องให้มีความสมจริงมากที่สุด
นำแสดงโดย สก็อตต์ อีสต์วูด ผู้เคยฝากผลงานแอ็กชันสุดมันให้เราได้รับชมกันมาแล้วใน The Fate of The Furious (2017) พร้อมด้วย เคเลบ แลนดรี โจนส์ นักแสดงหนุ่มมากความสามารถจากภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมอย่าง Three Billboards Outside Ebbing, Missouri (2017) และ Get Out (2017) และ ออร์แลนโด บลูม อีกหนึ่งนักแสดงเจ้าบทบาทที่แฟนๆ จดจำเขาได้เป็นอย่างดีจากภาพยนตร์ไตรภาค The Lord of The Rings และแฟรนไชส์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Pirates of the Caribbean
โดยทั้งสามจะมารับหน้าที่ถ่ายทอดวีรกรรมอันกล้าหาญของเหล่าทหารกล้าจากหน่วยรบด่านนอกคีทติ้ง หรือ Combat Outpost Keating ซึ่งแต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาชุมชน แต่พวกเขากลับต้องเผชิญหน้าต่อกรกับกลุ่มก่อการร้ายกว่า 400 คนในครั้งนี้
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของ The Outpost คือการที่ผู้กำกับอย่างลูรีได้ตัดสินใจเลือกใช้การถ่ายทำแบบลองเทก เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู่ของเหล่าทหารกล้าทั้ง 54 นายให้ออกมาสมจริงมากที่สุด โดยเขาได้อธิบายถึงการตัดสินใจใช้การถ่ายทำแบบลองเทกให้เราฟังว่า
“การตัดฉากในภาพยนตร์ทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกหลีกหนีห่างไกลจากประสบการณ์ความสมจริง เราไม่ต้องการให้ผู้ชมรู้สึกหลุดออกไปแบบนั้น รูปแบบการถ่ายทำที่เราเลือกมีความเสี่ยงมาก เนื่องจากอาจเกิดการผิดพลาดและล่าช้า เราวางแผนเยอะมาก แต่กลับลงเอยเป็นว่าประหยัดเวลาและเงินดีเสียอีก และในท้ายที่สุดผู้ชมก็ได้ความรู้สึกสมจริงเสมือนอยู่ในฉาก”
นอกจากนี้ ลูรีได้กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ในครั้งนี้เอาไว้อย่างน่าประทับใจอีกด้วยว่า
“ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมเคยทำมาในชีวิต ผมหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยให้เกียรติแก่เหล่าทหารที่ไม่ใช่หน่วยรบพิเศษและหน่วยจู่โจมสักครั้ง ผมหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้เราเข้าใจว่าผู้กล้าทั้งชายและหญิงของเราต้องผ่านประสบการณ์อะไรบ้าง ในขณะที่เราอยู่อย่างสุขสบายตลอดสองสามทศวรรษที่ผ่านมา”
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสงครามนองเลือดและวีรกรรมอันกล้าหาญของทหารอเมริกันทั้ง 54 นายใน The Outpost พร้อมกัน 5 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ผ่านทาง
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: