สหรัฐฯ สร้างเศรษฐีระดับล้านดอลลาร์หน้าใหม่ในสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกในปี 2018 โดยที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
รายงาน Global Wealth ของ Credit Suisse Group AG ระบุว่าในปีที่แล้วสหรัฐฯ มีเศรษฐีเพิ่มขึ้น 6.75 แสนคน ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งของเศรษฐีหน้าใหม่ทั่วโลก ตามมาด้วยญี่ปุ่นและจีนในอันดับ 2 และ 3 โดยวัดจากทรัพย์สินที่คำนวณในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐ
Nannette Hechler-Fayd’herbe ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุนฝ่ายจัดการความมั่งคั่งระหว่างประเทศของ Credit Suisse กล่าวในงานที่ซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าสัดส่วนความมั่งคั่งต่อคนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งส่วนใหญ่รวยขึ้นจากหุ้นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ถึงแม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า กำแพงภาษี ความหวาดผวาว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางก็ตาม แต่เมื่อดูตัวเลขโดยรวมจากช่วงกลางปี 2018 ถึงกลางปี 2019 พบว่ามีเศรษฐีระดับล้านเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ล้านคน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 158.3 ล้านล้านดอลลาร์
แต่สำหรับปีที่แล้วถือเป็นปีที่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงทั่วโลก โดยสหรัฐฯ และจีนเพิ่มความมั่งคั่งมูลค่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ และ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ตามลำดับ โดยที่สหรัฐฯ รวยขึ้นจากหุ้น ขณะที่จีนมั่งคั่งขึ้นจากสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ตัวเงินอย่างอสังหาริมทรัพย์
ส่วนออสเตรเลียมีเศรษฐีระดับล้านลดลง 1.24 แสนคน เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับเศรษฐีในสหราชอาณาจักรที่ลดลง 27,000 คน จากปัจจัยเงินปอนด์อ่อนค่าและตลาดหุ้นที่ไม่สดใสนัก
รายงานระบุว่าปัจจุบันโลกมีเศรษฐีที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปรวม 47 ล้านคน โดยที่สหรัฐฯ มีจำนวน 18.6 ล้านคน ขณะที่จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกมีเศรษฐี 4.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.58 แสนคน
ภาพ: Shutterstock
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: