เมื่อวานที่ผ่านมา (20 ส.ค.) สื่อต่างประเทศอย่าง The New York Times รายงานข่าวเป็นเวอร์ชันภาษาไทยครั้งแรก ตีแผ่ความอันตรายของถนนในสังคมไทย พร้อมชี้ให้เห็นช่องโหว่ที่ทำให้พื้นที่การสัญจรของคนไทยติด 10 อันดับแรกของถนนที่อันตรายที่สุดในโลก ผ่านบทความข่าว ‘ถนนในเมืองไทยเป็นถนนที่อันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นคนจน’
The New York Times ชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างของความไม่เท่าเทียมกันของแต่ละชีวิตบนท้องถนนผ่านกรณีของ อรทัย จันทร์หอม ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเวลาปฏิบัติงานราชการที่มีอาการมึนเมาขับรถกระบะชนจนเสียชีวิต แต่คู่กรณีก็ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ขับรถยนต์ได้ปกติ ยังคงใช้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ได้ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และศาลก็ไม่ได้พิพากษาจำคุกเขาแต่อย่างใด
รวมถึงกรณีทายาทเจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังที่มีระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกฎหมายกำหนดและขับรถยนต์ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต แต่ก็ยังไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานกว่า 7 ปีแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำได้อย่างชัดเจน โดยที่คนยากจนมักตกเป็นเหยื่อของอุบัติเหตุมากกว่าผู้ที่มีฐานะร่ำรวยหรือมีเส้นสาย
นอกจากนี้ The New York Times ยังชี้ให้เห็นถึงประเด็นการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวด เจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายยินดีที่จะรับสินบนเล็กๆ น้อยๆ แลกกับการปล่อยผ่านไป ประกอบกับลักษณะนิสัยของคนไทยที่ชอบทำอะไร ‘สบาย สบาย’ ขับไปใกล้แค่นี้เอง ไม่ต้องสวมหมวกนิรภัยก็ได้ หรือแม้ว่าจะสวมก็ไม่รัดสายรัดใต้คาง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมประเทศไทยจึงมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามอย่างลิเบีย ในรายงานประจำปี 2015 ขององค์การอนามัยโลก
เหลือระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี หลังจากรัฐบาลไทยได้ให้คำปฏิญาณที่องค์การสหประชาชาติเมื่อปี 2015 ตั้งเป้าจะลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2020 แต่สถานการณ์โดยรวมก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร ประเทศไทยยังคงรั้งอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตบนถนนมากที่สุดอยู่ หากยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป คงจะมีเหยื่อจากอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกมากที่ต้องพบกับจุดจบของชีวิต
ภาพ: Mladen Antonov / AFP / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
