ลดเสียงในระดับพอเหมาะ อย่าเปิดดูในที่สาธารณะ อย่าคาดหวังว่า The Naked Director จะเต็มไปด้วยฉากเซ็กซ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
นี่คือคำเตือนเพียงไม่กี่อย่างสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู The Naked Director ออริจินัลซีรีส์ความยาว 8 ตอนเรื่องล่าสุดของ Netflix ที่ฉายให้เห็นภาพการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของวงการ AV (Adult Video) จากยุคเริ่มต้น-ตกต่ำ จนกลายมาเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น (เนื้อหาของบทความไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ทั้งหมด แต่อ้างอิงจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่อง The Naked Director เป็นหลัก)
โดยมีชีวิตอันโลดโผนโจนทะยานของ มูรานิชิ โทรุ ราชาหนังโป๊ผู้ปฏิวัติวงการหนังผู้ใหญ่แห่งยุค 80 เป็นแกนกลางของเรื่อง เริ่มตั้งแต่วันที่เขาเป็นเซลแมนเร่ขายสารานุกรมภาษาอังกฤษตามบ้าน ชีวิตตกอับ ถูกภรรยานอกใจ เข้าสู่วงการปลุกใจเสือป่าจากการขายเทปอัดเสียงจากโรงแรมม่านรูด เริ่มขายหนังโป๊ใต้ดินแบบอันเซนเซอร์ จนกลายเป็นผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ตากล้องที่มีผลงานมากกว่า 7,000 เรื่อง ร่วมกับนักแสดงสาวมากกว่า 3,000 คน
พร้อมๆ กับนำเสนอบริบทโดยรอบของอุตสาหกรรมหนัง AV ทั้งกฎระเบียบในการเซนเซอร์ การตั้งสมาคมกฎระเบียบวิดีโอแห่งญี่ปุ่นเพื่อควบคุมความเรียบร้อย (และอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจใต้ดินของผู้มีอิทธิพล) รูปแบบภาพยนตร์ที่มีอยู่ไม่กี่แบบ ตั้งแต่วันที่ยังไม่มีการร่วมเพศจริงๆ ในการถ่ายทำจนพัฒนามาเป็นหนังที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก
แต่อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า The Naked Director ไม่ใช่ซีรีส์ที่มีฉากเซ็กซ์ชวนกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศเป็นจุดขายสำคัญ ถึงแม้จะมีฉากเซ็กซ์โจ๋งครึ่มที่อัดทั้งภาพและเสียงให้ได้ยินแบบไม่ประนีประนอม แต่จุดประสงค์หลักๆ นั้นเป็นไปเพื่อแสดงให้เห็นถึงความคิดและอารมณ์ของตัวละครในฐานะ ‘มนุษย์’ ที่มีความรู้สึก มีความต้องการ ไม่ใช่ ‘วัตถุทางเพศ’ ที่สร้างขึ้นเพื่อสนองอารมณ์ให้กดปุ่ม skip ไปจนถึงจุดไคลแม็กซ์ (ไม่นับฉากเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นความความแห้งแล้งทางอารมณ์ของผู้ผลิตหนัง AV กระแสหลัก)
ถ้าจะมีสักช่วงที่ทำให้เรารู้สึกวูบไหวก็ไม่ได้เป็นเพราะเนื้อหนังที่ถูกเปลือยออกหรือฉากอีโรติกแสนเร่าร้อน แต่มาจากความโรแมนติกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ตื้นตันเต็มเปี่ยมด้วยความสุขหลังเสร็จสิ้นกามกิจ ที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวคำชื่นชมและขอบคุณกันอย่างจริงใจ หลังจากสร้างประสบการณ์และช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันขึ้นมา
อย่างที่แสดงให้เห็นในฉากช่างแต่งหน้าประจำกองกล่าวชมนักแสดงสาวสมาชิกแก๊งซิ่งที่ไม่เคยมีใครมองเห็นคุณค่า สีหน้าเมื่อถึงจุดสุดยอดของนักแสดงสาวที่เคยมีแต่สีหน้าเฉยชาเมื่อเข้าฉากร่วมรัก การสัมภาษณ์นักแสดงหญิงก่อนเริ่มถ่ายฉากเซ็กซ์ การปลดปล่อยตัวตน เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำมาเป็นฝ่ายกระทำที่กล้าเปิดเผยความต้องการลึกๆ ของตัวเองของ คาโอรุ คุโรกิ นักแสดงคู่ใจของราชาหนังโป๊
และฉากแม่ม่ายเจ้าของร้านอาหารที่กล่าวขอบคุณมูรานิชิที่มอบความทรงจำแสนสุขที่ขาดหายไปหลังสามีเสียชีวิตให้กลับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งเรายกให้เป็นฉากที่น่าประทับใจที่สุดในซีรีส์เรื่องนี้
อีกจุดแข็งหนึ่งของ The Naked Director คือการนำเสนอความทะเยอทะยานไร้ขีดจำกัดของมูรานิชิที่พูดย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าต้องการปฏิวัติวงการปลุกใจเสือป่าด้วยการทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ตั้งแต่ทำหนังสือโป๊แบบอันเซนเซอร์ บินไปถ่ายหนังผู้ใหญ่ที่ฮาวายจนทำให้เขาถูกจับ (ในชีวิตจริงมูรานิชิถูกจับถึง 7 ครั้ง) แต่ทุกครั้งก็จะกลับมาพร้อมความคิดที่นอกกรอบมากขึ้นอยู่เสมอ
มูรานิชิให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่อง สีหน้า และอารมณ์ของนักแสดงมากกว่าฉากเซ็กซ์ กล้างัดข้อกับสมาคมกฎระเบียบวิดีโอแห่งญี่ปุ่น กล้าลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมากเพื่อผลงานเพียงหนึ่งเรื่อง เพราะเชื่อว่าหนังผู้ใหญ่คือตัวตนของมนุษย์ และการถ่ายทอดตัวตนของมนุษย์นั้นควรค่าแก่การลงทุนและทุ่มเทมากกว่ารีบถ่ายฉากเซ็กซ์แบบให้ผ่านไปวันๆ
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีแค่ฉากหน้าที่ดูสวยงามและเต็มไปด้วยภาพฝัน The Naked Director ยังไม่ลืมที่จะนำเสนอให้เห็นอีกด้านของอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ที่มีผู้มีอิทธิพลในโลกมืดชักใย และหลอมรวมธุรกิจสีดำทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ ที่หลอมรวมไปกับฉากหน้าที่เร่ขายความสุขเรื่องเพศเบื้องหน้าจนแยกจากกันไม่ออก
จนพอจะพูดได้ว่า The Naked Director คือซีรีส์ที่ดูเพื่อความสนุกก็ตอบโจทย์ ดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจก็มีแง่คิด หรือจะดูเพื่อตั้งคำถามกับโลกเบื้องหลังและเส้นแบ่งเรื่องศีลธรรมก็มีหลายคำถามให้ชวนหาคำตอบ ซึ่งนอกจากทีมเขียนบทและผู้กำกับ การแคสต์นักแสดงมารับบทตัวละครในโลกสีเทาของวงการหนัง AV ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรได้รับการชื่นชม
ตั้งแต่การเปลี่ยนลุคของ ยามาดะ ทากายูกิ จากนักเลงตัวจี๊ดแห่งโรงเรียนซูซูรันใน Crows (เรียกเขาว่าอีกา) เวอร์ชันคนแสดง มาเป็นผู้กำกับหนังผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชน, มิตสุชิมะ ชินโนะสึเกะ และทามายามะ เท็ตสึจิ กับบทเพื่อนรักที่ล่มหัวจมท้ายกับมูรานิชิตั้งแต่ต้นจนจบ, โมริตะ มิซาโตะ กับบท คาโอรุ คุโรกิ นางเอกของเรื่องที่ไม่ได้เปลืองตัวแต่ฉากโป๊ แต่ยังกล้ารับ ‘ภาพลักษณ์’ ที่อาจทำให้หลายคนเบือนหน้าหนี
รวมทั้ง 3 นักแสดงรุ่นใหญ่ทั้ง อิจิบาชิ เรียว กับบทผู้ทรงอิทธิพลที่คนไทยน่าจะอินเป็นพิเศษ เพราะบุคลิกใกล้เคียงกับอดีตเจ้าพ่ออาบอบนวดที่ผันตัวเป็นนักการเมืองและพิธีกรรายการข่าวแบบสลัดภาพออกจากหัวไม่ได้, ลิลี่ แฟรงกี้ กับบทนายตำรวจที่คอยควบคุม ‘สมดุล’ ในวงการที่พูดน้อยแต่เก๋าเกมแบบสุดๆ และคูนิมูระ จุน อีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังโลกมืดที่จะก้าวมาเป็นศัตรูคนสำคัญของมูรานิชิในซีซันต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์