ไมเคิล ฮาร์ตเน็ต หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนแห่ง Bank of America Securities ออกโรงแสดงความเห็นเตือนนักลงทุนว่าราคาที่พุ่งแรงของบิตคอยน์ในเวลานี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของกระแสการเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาด และเป็นภาวะ ‘ฟองสบู่ตัวแม่’ (The Mother of All Bubbles)
ฮาร์ตเน็ตยังได้ชี้ให้เห็นรายงานความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 1,000% นับตั้งแต่ต้นปี 2019 ถือเป็นความร้อนแรงมากกว่าสินทรัพย์ใดๆ ก็ตามที่ขยับปรับตัวขาขึ้นในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เช่น ราคาทองคำในยุคขาขึ้นช่วงปลายยุค 1970 ยังสามารถทำกำไรโกยรายได้เพียง 400% เท่านั้น
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ยังได้หยิบยกเอากรณีความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 ตลาดหุ้นไทยในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 วิกฤตดอตคอมในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 และราคาบ้านตกต่ำในช่วงกลางทศวรรษที่ 2000 ที่สถานการณ์ราคาหุ้นในตลาดต่างปรับตัวพุ่งแรงเป็นเลข 3 หลัก ก่อนที่จะร่วงระนาวกราวรูด
อย่างไรก็ตาม ฮาร์ตเน็ตไม่ได้คาดการณ์ว่าราคาของบิตคอยน์จะปรับลดเมื่อใด เพียงแต่ย้ำว่าราคาในระดับเหนือความคาดหมายของสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีในห้วงเวลานี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญของพฤติกรรมการลงทุนเพื่อเก็งกำไร
ขณะเดียวกัน หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจาก Bank of America Securities ได้ออกโรงเตือนหุ้น IPO และ SPACS ของบรรดายูนิคอร์นสตาร์ทอัพรายใหญ่ๆ
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่าฮาร์ตเน็ตไม่ได้เป็นรายเดียวที่ออกมาส่งสัญญาณเตือนอันตรายจากบิตคอยน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง ขณะที่ส่วนหนึ่งเตือนว่าภาวะตลาดกระทิงของบิตคอยน์ในฐานะปราการรับมือกับสถานการณ์ที่ค่าเงินอ่อนค่าลงนั้นไม่เคยมีอยู่จริง
ไมค์ โอโรก หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดแห่ง JonesTrading กล่าวว่าคนที่ไล่ตามบิตคอยน์ไม่ได้กำลังปกป้องตัวเองจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง พวกเขาเพียงแต่จ่ายเงินซื้อสินทรัพย์หนึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเท่านั้น
ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าคำเตือนของนักวิเคราะห์จะไม่ได้สร้างความหวาดหวั่นหรือทำให้นักลงทุนฉุกคิดสักเท่าไรนัก เมื่อนักลงทุนและเทรดเดอร์ในตลาดต่างยังคงเข้าซื้อบิตคอยน์ จนทำให้ราคาบิตคอยน์ในช่วง 5 วันที่ผ่านมาพุ่งขึ้นมากกว่า 20%
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
