พลโท ชัยยุทธ พร้อมสุข ประธานกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แถลงข่าวสืบเนื่องจากกรณีมีกลุ่มบุคคลพร้อมด้วยอาวุธเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เข้าไปพักแรมบริเวณพื้นที่หวงห้ามและคุกคามชีวิตสัตว์ป่า ซึ่งเป็นการละเมิดพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดยการกระทำดังกล่าวถือได้ว่ากระทำผิดหลายฐานความผิด ซึ่งเหตุการณ์และบุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้คณะกรรมาธิการได้ขอให้กำลังใจทุกฝ่ายในการรักษากฎหมาย ให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติงาน
พร้อมกันนี้ยังกล่าวว่าในสัปดาห์หน้า ทางคณะกรรมาธิการได้เตรียมเชิญผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาหารือพร้อมทั้งแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนจะมีการเรียกเจ้าหน้าที่คนใดมาตรวจสอบเพื่อเอาผิดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
อย่างไรก็ดี ในฐานะที่คณะกรรมาธิการรับผิดชอบงานด้านกฎหมายจะพิจารณาตามกรอบงานของกฎหมายว่าครอบคลุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีฐานความผิดที่เกิดจากการล่าสัตว์น้อยเกินไปนั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาในการเพิ่มโทษให้กับสัตว์ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยแยกประเภทเป็นสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งสัตว์ป่าสงวนจะมีโทษที่รุนแรงและไม่สามารถกระทำการใดๆ กับสัตว์ป่าสงวนที่มีอยู่ได้ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีสัตว์ป่าสงวนเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ซึ่งหากการกำหนดโทษยังไม่เหมาะสมกับกรณีที่มีผู้กระทำความผิด ก็จะเสนอให้มีการแก้ไขร่างกฎหมายในชั้นกรรมาธิการต่อไป
ด้าน นายสนิท อักษรแก้ว หนึ่งในคณะกรรมาธิการ ได้กล่าวว่า บทลงโทษพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มีการกำหนดโทษไว้ค่อนข้างเบา เช่น ปรับ 50,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 10 ปี ซึ่งหากมีการนำเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้ามายัง สนช. ก็จะมีการเพิ่มอัตราโทษ โดยเฉพาะการเพิ่มโทษของการล่าสัตว์ป่าสงวนอาจต้องเพิ่มโทษถึงขั้นรุนแรง โดยให้มีโทษทางอาญาร่วมด้วยสำหรับผู้กระทำผิด เช่น การจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี เนื่องจากกลุ่มผู้กระทำผิดบางครั้งเป็นกลุ่มนายทุนหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่อาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย
สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายขณะนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายเพื่อนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จากนั้นก็จะนำเข้าสู่ สนช. เพื่อพิจารณาต่อไป