วันนี้ (26 พฤศจิกายน) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังพนักงานสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษนำตัว วิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ อายุ 62 ปี และ สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ในคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5(1), (3), มาตรา 9 และมาตรา 60 ซึ่งเกี่ยวโยงถึงผู้ต้องหาคดี ดิไอคอนกรุ๊ป มายื่นต่อศาลเพื่อขออนุญาตฝากขัง
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขัง โดยศาลอาญาอนุญาตฝากขังครั้งแรกวิลาวัลย์และสามารถ เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคมนี้
ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 1.2 ล้านบาท โดยศาลอาญาพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์คำร้องฝากขังในส่วนของผู้ต้องหาที่ 1 ถูกนำบัญชีไปใช้ ประกอบกับมีอายุกว่า 60 ปี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หลักประกันน่าเชื่อถือ จึงเชื่อว่าจะไม่หลบหนี ศาลจึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1 โดยตีราคาประกัน 5 แสนบาท
ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 พฤติการณ์มีลักษณะเป็นเครือข่ายขบวนการ มีการโอนเงินหลายบัญชี พฤติการณ์ร้ายแรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน มีเหตุอันควรเชื่อว่าหากได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราวจะหลบหนีหรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ออกหมายขังผู้ต้องหาที่ 2 ไว้
ต่อมาวิลาวัลย์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขอเป็นตัวแทนสามารถกล่าวว่า ถ้าลูกของตนได้ล่วงเกินผู้ที่มีอำนาจ ตนในฐานะแม่ขอเป็นตัวแทนกราบขอขมา ขออโหสิกรรม อย่าได้ถือสาเอาความลูกชายของตนเลย อยากให้เขาได้กลับมาเล่นการเมืองเพื่อช่วยประเทศชาติ แม้อาจจะมีความผิดพลาดไปบ้าง และขอบคุณศาลที่ยังมีความเป็นธรรมให้ตนได้ประกันตัวออกมาสู้คดี จะขอสู้จนถึงที่สุด และขอบคุณกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตนและลูกชายยืนยันจะขอสู้เพื่อความเป็นธรรม
เป็นเรื่องจริงที่ตนนำเงินของบอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล มาเมื่อปี 2564 แต่ตนมีหลักฐานว่านำเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญและบางส่วนนำไปปล่อยกู้ หลังจากนั้นจึงให้สามารถนำเงินไปคืนบอสพอล และบอสพอลเซ็นรับทราบเรียบร้อยว่าได้เงินคืนแล้วตั้งแต่ปี 2565
อีกทั้งวันนี้ทางบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ยังไม่มีความผิดอะไร เพราะศาลยังไม่ตัดสิน ขออย่าไปโทษบริษัท ทั้งตนและลูกชายตกเป็นจำเลยสังคม ขอให้ประชาชนเป็นกำลังใจให้ด้วย
วิลาวัลย์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้ช่วยคนมามากกว่า 6,000 คนให้พ้นทุกข์ แต่เวลาตนทุกข์กลับไม่มีใครมาช่วย จึงน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้เกิดอาการชักเกร็ง และเจ้าหน้าที่ DSI ได้ส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา สุดท้ายนี้ขอให้ตนและลูกไม่ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ขอให้ได้ช่วยเหลือประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
ด้านทนายความกล่าวเสริมว่า เหตุผลที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวสามารถ เพราะมีพฤติการณ์ร้ายแรงและเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งสามารถมีพฤติการณ์หลบหนี แต่ทางเราจะอุทธรณ์เพื่อสู้คดี ซึ่งอาจจะเป็นระยะภายใน 1-2 วัน ส่วนเรื่องการขอไต่สวนนั้นวันนี้ศาลไม่ได้อนุญาตไต่สวน เพียงแต่อ่านคำสั่งเรื่องประกันตัวเท่านั้น หลังจากนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ว่าจะมีคำสั่งอย่างไรต่อไป
