*หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์ The Glory Part 2*

หลังจากสตรีมเพียงแค่ 3 วัน The Glory Part 2 ก็ขึ้นอันดับที่ 1 รายการทีวีของ Netflix ที่มีผู้รับชมมากที่สุดในโลก โดยเป็นอันดับที่ 1 ในกว่า 38 ประเทศรวมทั้งประเทศไทย และติดชาร์ตในอีกกว่า 89 ประเทศ พร้อมกับกระแสท่วมท้นบนโซเชียลมีเดีย ทั้งความสนุกสนาน สะใจ ในขณะเดียวกันก็มีบางกระแสที่คิดว่าบทลงโทษของแก๊งบูลลี่ โดยเฉพาะพัคยอนจินออกจะดูเบาไป แต่สำหรับผู้เขียนสิ่งที่เธอได้รับทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก

“เธอยืนอยู่กลางซากปรักหักพัง โดยไม่มีกำแพงล้อมรอบ พัคยอนจิน มันจะวังเวงและก็มืดมิด ยินดีต้อนรับยอนจิน” มุนดงอึน 

ประโยคที่มุนดงอึนคิดในใจนั่นคือบทสรุปความตั้งใจของเธอตั้งแต่ต้นที่อยากทำให้พัคยอนจินได้เข้ามาสัมผัสโลกของเธอ ซึ่งถือเป็นบทลงโทษที่หนักหนาที่สุดจากบรรดาเหล่าเพื่อนแก๊งบูลลี่ทั้งหมด ถ้าให้ลองไล่เรียงลำดับก็ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะได้รับโทษสถานเบานั่นคือความตาย ในขณะที่ฝ่ายหญิงยังต้องเผชิญการมีชีวิตอยู่อย่างทรมานแบบต่างกรรมต่างวาระกันไป ความสะใจยิ่งกว่านั้นคือการล้างแค้นของมุนดงอึนกับทุกๆ คน มือของเธอไม่ได้เปื้อนเลือดเลย แต่เป็นการอาศัยจุดอ่อนของเพื่อนๆ กลุ่มนี้ให้ทำลายล้างกันเอง 

ถ้าลองวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของแก๊งบูลลี่ ทั้งหมดมารวมตัวกันด้วยความรู้สึกไม่มั่นคง ทำให้ต้องหาวิธีอยู่เหนือคนอื่นหรือแม้คนในกลุ่มเองด้วยความรุนแรง และเมื่อสะกิดจุดอ่อนนิดเดียวก็เผยธาตุแท้ออกมาได้ง่ายๆ 

เริ่มตั้งแต่ซนมยองโอ เขาเป็นแค่ลูกกระจ๊อกที่คอยรับใช้จอนแจจุนและปั่นหัวง่ายที่สุดในจำนวนกลุ่มเพื่อนทั้งหมด จึงไม่แปลกที่มุนดงอึนจะเลือกเข้าหาเขาเป็นคนแรก ซึ่งถ้าหากวัดกันที่การกระทำ เขาคือฝ่ายชายที่กระทำมุนดงอึนมากที่สุดด้วยซ้ำ แต่เธอก็รู้ดีว่าใครคือ Master Mind ตัวจริง ในขณะที่จอนแจจุนก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่จะให้เธอก้าวขึ้นไปถึงพัคยอนจิน  

ส่วนความสัมพันธ์ของแก๊งเพื่อนฝ่ายหญิงฉายแววความอิจฉาริษยากันตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะ ชเวฮเยจอง ผู้ที่พยายามทำทุกอย่างให้หลุดพ้นจากการเป็นลูกสาวร้านซักรีด และมีสีหน้าหมั่นไส้พัคยอนจินมาตั้งแต่เด็กจนโต ในขณะที่ อีซารา ความไม่รู้เหนือรู้ใต้เฮไหนเฮนั่นก็ทำให้ต้องได้รับโทษด้วยเช่นกัน ซึ่งอีซาราก็ได้รับโทษเบาที่สุด แม้ชีวิตและฐานะทางสังคมจะถูกทำลาย แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังเหลือคนในครอบครัว ขณะที่ชเวฮเยจองต้องพูดไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นกรรมหนักสำหรับผู้หญิงปากแจ๋วอย่างเธอ 

ส่วนคนสุดท้ายคือพัคยอนจิน เมื่อได้เห็นการค่อยๆ บ่อนทำลายชีวิตศัตรูไปทีละนิด นั่นคือความสะใจขั้นสุดของทั้งมุนดงอึนและคนดู ในแต่ละขั้นตอนความเห็นแก่ตัวแบบไม่รู้ผิดชอบชั่วดีก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ชีวิตพินาศลงไปเรื่อยๆ ซึ่งจุดนี้คนเขียนบทก็เหมือนตั้งใจให้ตัวละครนี้มีสีดำสนิทจนคนดูก็ไม่รู้สึกผิดที่จะสมน้ำหน้าต่อผลกรรมที่เธอได้รับ 

พัคยอนจินค่อยๆ รู้ซึ้งถึงความทุกข์ทรมานที่ต้องไม่เหลือทั้งเกียรติยศ ความภูมิใจ และคนรอบตัว แม้แต่แม่ก็ยังย้อนมาหักหลัง ซี่งไม่ต่างจากที่ดงอึนเคยเผชิญ และที่ยิ่งเจ็บปวดไปกว่านั้นคือฉากทิ้งท้ายที่ดงอึนทิ้งความสงสัยไว้ให้ตอนไปเยี่ยมที่ห้องขัง นั่นกลายเป็นคำถามในใจยอนจินไปตลอดชีวิต เหมือนกับที่ดงอึนก็ถามตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าทำผิดอะไรถึงได้ถูกคนกลุ่มนี้ทำเรื่องเลวร้ายกับเธอ เป็นบทสรุปจบเก็บครบทุกเม็ดสำหรับการล้างแค้นครั้งนี้ 

การล้างแค้นยังไม่จบอยู่แค่ที่แก๊งบูลลี่ แต่หมายรวมถึงคนที่เคยหรือกำลังทำให้ชีวิตเธอพัง ตรงจุดนี้ต้องชื่นชมทีมงานที่กล้าหยิบประเด็นอ่อนไหวมาใช้งาน ทั้งเรื่องแม่ที่ไม่สมควรเป็นแม่ หรือพวกใคร่เด็กที่แฝงตัวเข้าไปเป็นครู ที่ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ศตวรรษละครไทยจะก้าวไปถึงตรงนั้น ทั้งๆ ที่มันคือสภาพความเป็นจริงของสังคมในยุคนี้ รวมทั้งเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ในตัว จูยอจอง พระเอกของเรื่อง ถ้านำมาสร้างเป็นละครไทยจะมีการประท้วงของกี่องค์กรก็ไม่อยากจะนับ

เมื่อกล้าหยิบเรื่องอ่อนไหว ความท้าทายคือการหาจุดจบที่ลงตัว เอาเข้าจริงตอนที่เห็นว่าว่ายอนจินหยิบเอาจุดอ่อนที่สุดของดงอึนมาแก้เกมนั่นก็คือแม่ ก็ไม่รู้ว่าเส้นเรื่องต่อไปจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ในท้ายที่สุดตัวละครก็หาบทลงโทษที่สาสมกับความเห็นแก่ตัวของผู้ให้กำเนิดในทางที่ไม่ผิดศีลธรรม

ส่วนอีกหนึ่งตัวละครที่สะท้อนภาพความเป็นแม่ในอีกรูปแบบและถือเป็น MVP ของเรื่องคือบทของคุณป้านาตาชา คังฮยอนนัม กับการแสดงระดับยอดฝีมือของ ยอมฮเยรัน ที่สามารถถ่ายทอดบุคลิกของผู้หญิงสดใสผู้โชคร้ายต้องเจอความรุนแรงในครอบครัว ทำให้บุคลิกตัวละครออกมาทั้งโศกเศร้า ตลก และพยาบาทผสานกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะในฉากร้องไห้หน้าห้องดับจิตที่เดาไม่ได้ว่าน้ำตาที่ไหลออกมามันมาจากความรู้สึกไหนกันแน่

โดยภาพรวมสิ่งที่ The Glory Part 2 มอบให้คือความสะใจ ในขณะเดียวกันก็มีข้อบกพร่องหลายจุด โดยเฉพาะในช่วงท้ายเรื่องที่มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นมากมาย และดูเหมือนการแก้แค้นของนางเอกจะดูง่ายดายเกินไป ซึ่งในประเด็นนี้ตัวเรื่องได้วางตัวละครและปมต่างๆ เอาไว้อยู่บ้าง แต่ก็ทิ้งร้างไปเลยแล้วมารวบเอาไว้ในตอนท้าย 

ยิ่งเมื่อพาร์ตแรกและพาร์ตที่ 2 ห่างกันหลายเดือน ก็ยากที่คนดูจะนึกถึงได้ เช่นความสัมพันธ์ของป้าเจ้าของวิลล่ากับดงอึนที่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างในพาร์ตแรก แล้วก็หายไปจนกระทั่งตอนใกล้จบของพาร์ตที่ 2 หรือความผูกพันของดงอึนกับคิมยองรันที่แทบจะไม่มีการพูดถึงว่าทั้งคู่เคยสนิทกันมาก่อน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม The Glory Part 2 ก็มีตอนจบที่แปลกใหม่ ทั้งที่อาจจะจบได้แบบละครคุณธรรมใน TikTok คือการให้อภัย แต่คำนี้ก็ไม่มีในพจนานุกรมของเรื่องเลย ดูได้จากบทสนทนาดีๆ ในหลายๆ ฉาก เช่น  

“คุณคิดว่าสิ่งที่เหยื่อสูญเสียไปมีกี่อย่างที่เอาคืนมาได้ เกียรติยศ ชื่อเสียงของตัวเองนั่นคือทั้งหมดครับ บางคนเรียกคืนด้วยการให้อภัย บางคนเรียกคืนด้วยการแก้แค้น” จูยอจอง

“…ไม่ต้องห่วงซอนอานะ และไม่ต้องให้อภัยฉัน เชิญเน่าอยู่ในทะเลที่หนาวเหน็บไปนานๆ” คังฮยอนนัม

ใดๆ ก็ตาม เรื่องนี้กลับสอนใจให้เราไม่กล้าไปบูลลี่ใครอีก เพราะถ้าเราเป็นฝันร้ายของใคร เขาคนนั้นก็กลับมาสร้างฝันร้ายให้เราได้เหมือนกัน 

ภาพ: Netflix