หนึ่งในกรณีอื้อฉาวที่สุดในวงการสตาร์ทอัพคือการลวงโลกของ Theranos Research สตาร์ทอัพที่เคยถูกยกว่าปฏิวัติวงการตรวจเลือดและวงการแพทย์ ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะถูกแฉว่าเป็นแค่เพียง ‘ปาหี่’ ของ Elizabeth Holmes ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ
และกรณีลักษณะนี้กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งกับอีกหนึ่งสตาร์ทอัพที่แม้จะมาแรงไม่เท่า แต่ก็ถือว่าถูกจับตามองอยู่ไม่น้อยกับ ‘Nikola Motor’ สตาร์ทอัพรถบรรทุกและรถกระบะพลังงานสะอาดที่ก่อตั้งในปี 2014 โดย Trevor Milton ที่ตั้งเป้าจะพัฒนาโซลูชันพลังงานสะอาดทั้งเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและไฟฟ้า
และด้วยกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าที่ Tesla Motors ทำได้ดีจนกดดันอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยังติดอยู่กับเครื่องยนต์สันดาป ทำให้ Nikola Motor ถูกวางตัวว่าจะมาเป็นทั้งคู่แข่งและสร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมรถยนต์เช่นเดียวกับที่ Tesla Motors ทำเอาไว้ จนสามารถเข้าตลาด IPO ผ่านการ Reverse Merger ได้เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา
ที่ผ่านมา Nikola Motor แม้จะพอมีผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้อยู่บ้างหรือประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยส่งมอบรถยนต์หรืออะไรก็ตามที่สามารถใช้งานได้จริงออกสู่สาธารณะเลย
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังถูกสื่อตั้งคำถามถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่หลายครั้ง แต่ก็เป็นเพียงประเด็นเล็กๆ ก่อนที่ล่าสุดจะถูก Hindenburg Research บริษัทวิจัยและตรวจสอบด้านการเงินเขียนรายงานพร้อมหลักฐานแฉความปาหี่ของ Nikola Motor ตลอดระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา รวมถึงตัวการลวงโลกอย่าง Trevor Milton ที่มีมาตั้งแต่ก่อนตั้ง Nikola Motor
ความปาหี่แรกๆ ของ Nikola Motor เริ่มในราวปี 2016 จากการเปิดตัว Nikola One รถบรรทุกไฟฟ้าคันแรกของบริษัท โดย Nikola Motor เคลมว่ารถที่นำมาโชว์นั้นสามารถใช้งานเป็นรถบรรทุกที่สมบูรณ์ได้ (Fully Functional) ก่อนที่ Bloomberg จะเขียนรายงานตั้งข้อสังเกตว่า Nikola One ไม่สามารถใช้งานได้จริง ขนาดว่าอย่าว่าแต่ขับไม่ได้เลย ‘สตาร์ทเครื่องยังไม่ได้ด้วยซ้ำ!’
หลังจากนั้น Trevor Milton ก็ออกมายอมรับ (แต่บนเวทีเปิดตัวเขาพูดเองว่ามันใช้งานได้) ก่อนจะขู่ฟ้อง Bloomberg อ้างว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่ารถบรรทุกมันใช้งานไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นว่า Nikola Motor ประกาศความสำเร็จในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ปั่นไฟ (Range Extender ที่ช่วยให้รถไฟฟ้าวิ่งได้ไกลขึ้นเผื่อกรณีฉุกเฉินที่ไฟฟ้าหมด) จากที่ใช้แก๊สธรรมชาติมาเป็นเชื้อเพลิงไฮโดรเจนก่อนงานเปิดตัว Nikola One
Hindenburg Research ก็อ้างอิงอดีตพนักงาน Nikola Motor ที่บอกว่าบริษัทไม่ได้ครอบครองเทคโนโลยีหรือแม้กระทั่งเอาเทคโนโลยีไฮโดรเจนใดๆ จากพาร์ตเนอร์มาใช้งานเลย และรถ Nikola One ที่นำมาโชว์ก็มีเครื่องยนต์สันดาปติดตั้งอยู่ (แต่ด้านข้างตัวรถติดสติกเกอร์ H2 Zero Emission Hydrogen Electric)
Hindenburg Research ได้อ้างอิงจดหมายภายในของ Nikola Motor ที่ระบุการยกเลิกโปรเจกต์ Nikola One หลังเปิดตัวไม่นาน พร้อมบอกว่า Nikola One บรรลุจุดประสงค์ของมันแล้ว ซึ่งก็คือการเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัท และดึงเงินจากทั้งนักลงทุนรวมถึงพาร์ตเนอร์ให้มากขึ้น
แต่หลังจากนั้น Nikola Motor เริ่มถูกนักลงทุนตั้งคำถามอีกครั้ง หลังกระแส Nikola One เริ่มเงียบลงและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมาอีกเลย ทำให้ Nikola Motor ต้องปล่อยคลิปโปรโมตที่ชื่อว่า ‘In Motion’ บน YouTube ราวปี 2018 ที่โชว์ภาพ Nikola One วิ่งบนถนน พร้อมทวีตว่าตัวรถเด่นทั้งเรื่องน้ำหนัก ความเร่ง การเบรก ความปลอดภัย และระยะทางที่ 500-1,000 ไมล์ (ราว 800-1,600 กิโลเมตร) ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้ทั้งนักลงทุนและคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม อดีตพนักงานของ Nikola Motor ก็แฉว่าคลิปดังกล่าวตัวรถไม่ได้วิ่งจริง แต่เป็นการปล่อยไหลลงจากถนนที่เป็นเนินเขา และอาศัยมุมกล้องทำให้ดูเหมือนรถวิ่งอยู่บนถนนราบ ซึ่งทีมงานของ Hindenburg Research ก็ค้นพบถนนที่ทีมงานใช้ถ่ายทำ และนำรถ SUV ไปทดสอบด้วยการปล่อยให้ไหลลงเนิน และพบว่าสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ราว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไหลยาวถึง 3.3 กิโลเมตร
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นคล้ายๆ กันเมื่อ Trevor Milton เผยภาพของ Nikola Two (ที่ได้ Bosch บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์จากเยอรมนีเป็นพาร์ตเนอร์) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมอ้างว่าตัวรถทำความเร็ว 0-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 5 วินาที
แต่ในความเป็นจริง รถในคลิปที่นำมาโชว์เคลื่อนที่อยู่แล้วตั้งแต่ต้นคลิป และต้องใช้เวลาราวๆ 10 วินาที กว่าที่ Trevor Milton จะพูดแสดงความดีใจขึ้นมาในคลิปว่า “Here it is” ที่เปรียบเสมือนการบอกว่ารถทำความเร็วถึงเป้าแล้ว รวมถึงไม่ได้มีมาตรวัดความเร็วโชว์ในคลิปด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเคลมว่าสำนักงานใหญ่ Nikola Motor ติดตั้งแผงโซลาร์ขนาด 3.5 เมกะวัตต์, การประกาศความสำเร็จในการพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าเดิม 2 เท่า, การลดต้นทุนการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ถูกกว่าตลาดถึง 81% ไปจนถึงการบอกว่ารถ Nikola Tre รุ่นต้นแบบ 5 คันกำลังจะออกจากไลน์การผลิตในเยอรมนี ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโกหก
ไม่ใช่แค่เรื่องผลิตภัณฑ์หรือการประกาศความสำเร็จต่างๆ ที่เป็นเรื่องปาหี่เท่านั้น Hindenburg Research ยังแฉด้วยว่าผู้บริหารหลายๆ คนของ Nikola Motor ล้วนแล้วแต่มีประวัติและประสบการณ์ที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่กำลังทำอยู่ด้วย
เริ่มตั้งแต่ Travis Milton น้องชายของ Trevor Milton ที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตไฮโดรเจน เคยทำงานเป็นพนักงานเทพื้นถนนในเกาะ Maui ของฮาวายมาก่อน
Dale Prows หัวหน้าฝ่ายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (เช่น สถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน) เคยเป็นซีอีโอและผู้จัดการทั่วไปของกอล์ฟคลับในไอดาโฮ หรือ Kevin Lynk ที่เป็นหัวหน้าวิศวกรของ Nikola Motor เคยเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์และวิศวกรเครื่องกลและช่างซ่อมเครื่องพินบอลมาก่อน
อันที่จริงยังมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยิบย่อยอีกหลายประเด็นที่ Hindenburg Research จับโกหก Nikola Motor ไม่รวมการแฉ Trevor Milton ที่มีพฤติกรรมหลอกลวงตั้งแต่ก่อนก่อตั้ง Nikola Motor แล้วจากบริษัท DHybrid ซึ่งอ้างว่ามีเทคโนโลยีที่ช่วยให้รถบรรทุกใช้แก๊สธรรมชาติ (CNG) แทนน้ำมันดีเซล ก่อนจะถูกพาร์ตเนอร์ฟ้องเพราะไม่สามารถส่งมอบเทคโนโลยีดังกล่าวได้ตามสัญญาที่ตกลงกัน
หลังเกิดเรื่อง แน่นอนว่าหุ้นของ Nikola Motor ตกลงทันที และ Trevor Milton ก็โจมตี Hindenburg Research ว่าเป็น Short Seller คือหาเรื่องโจมตีให้หุ้น Nikola Motor ตกเพื่อช้อนซื้อ (ซึ่ง Hindenburg Research ก็ทำจริง) แต่ด้วยหลักฐานที่ค่อนข้างแน่นและน่าเชื่อถือ ทำให้ทั้งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และ SEC เข้ามาสืบสวนเรื่องนี้แล้ว ขณะที่ Trevor Milton ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบริหารหลังจากนั้นไม่นาน
ขณะเดียวกันเรื่องนี้ก็ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยัง General Motors หรือ GM ที่เพิ่งประกาศเป็นพาร์ตเนอร์กับ Nikola Motor ก่อนหน้าการแฉของ Hindenburg Research ไม่นาน โดย Nikola Motor จะให้หุ้นกับ GM ประมาณ 11% แลกกับการเข้าถึงสิทธิบัตร ดีไซน์ และองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมของ GM ซึ่งดีลนี้ควรจะปิดเมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา แต่ก็ดีเลย์ออกไป อาจเป็นไปได้ว่า GM ต่อรองรายละเอียดใหม่หลังมีข่าวฉาวออกมา
ทั้งนี้ทั้งนั้น GM ยังคงแสดงผ่านสื่อว่ายังคงสนับสนุน Nikola Motor เช่นเดิม (มองในแง่หนึ่งคือกลัวตัวเองหน้าแตก) ขณะที่ผู้บริหารของ Nikola Motor ก็ออกมาแถลงยืนยันว่าบริษัทยังคงมุ่งมั่นต่อเป้าหมายเดิม พร้อมระบุว่าจะโชว์เทคโนโลยีและสิทธิบัตร รายละเอียดของโปรเจกต์ต่างๆ รวมถึงชี้แจงบทบาทของพาร์ตเนอร์ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาและผลิตรถเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกับนักลงทุน
นอกจากนี้บริษัทยังมีกำหนดโชว์รถกระบะไฟฟ้า Nikola Badger ในงาน Nikola World ซึ่งเดิมมีกำหนดช่วงเดือนธันวาคม แต่ล่าสุดก็ถูกเลื่อนออกไปก่อน คาดว่าเพื่อให้ตัวกระบะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
สถานการณ์ Nikola Motor ตอนนี้น่าจะใกล้เคียงกับ Theranos ช่วงที่มีข่าวฉาวออกมาแรกๆ และน่าจะต้องรอการสืบสวนสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมและ SEC ของสหรัฐฯ ว่าในท้ายที่สุดแล้ว Nikola Motor จะครอบครองเทคโนโลยียานยนต์ที่กลับมาทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น หรือจะเป็น Theranos รายที่ 2 แต่จากประวัติของ Trevor Milton และสิ่งที่ Hindenburg Research แฉเป็นหางว่าวแล้ว แนวโน้มอาจจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล