หลัง 26 ปีในชีวิตนักแข่ง 432 รายการที่ลงแข่งขัน 115 สนามที่พิชิตชัย และแชมป์โลก 9 สมัย วันนี้คือวันสุดท้ายในชีวิตนักบิดของ ‘The Doctor’ วาเลนติโน รอสซี สุดยอดนักแข่งจักรยานยนต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่ง และเป็นขวัญใจของแฟนๆ หลายล้านคนทั่วโลก
โดยหลังจากที่รอสซีได้ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายสำหรับเขาในฐานะนักแข่ง ทำให้การแข่งขันที่บาเลนเซีย ประเทศสเปน ในวันนี้ (14 พฤศจิกายน) จะเป็นการรูดม่านปิดฉากตำนานอย่างเป็นทางการ
แม้จะเป็นสิ่งที่น่าเสียดายในความรู้สึกของแฟนๆ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสุดยอดนักบิดชาวอิตาลีผู้นี้ได้สร้างปรากฏการณ์มาแล้วมากมาย สร้างสีสันให้แก่การแข่งขัน ‘โมโตจีพี’ ให้สดสวย ชนิดที่ไม่มีนักแข่งคนใดเคยทำได้มาก่อน
รอสซีได้รับการเปรียบเปรยว่าเป็นดัง ‘มาร์โค โปโล แห่งยุคโมเดิร์น’ เพราะเป็นชาวอิตาลีที่สร้างชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลก สามารถเปลี่ยนแปลงวงการแข่งจักรยานยนต์โมโตจีพีให้กลายเป็นกีฬารูปโฉมใหม่ที่สนุกเร้าใจขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สถานะของเขาเทียบเท่าตำนานมอเตอร์สปอร์ตอย่าง มิชาเอล ชูมัคเกอร์, ไอร์ตัน เซนนา, จาโคโม อกอสตินี, ไมค์ เฮลวูด และมิค ดูฮัน
รอสซี เริ่มต้นชีวิตนักบิดของเขาในปี 1996 ในการแข่งขันรุ่น 125 ซีซี ที่เซปัง อินเตอร์เนชันนัล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย โดยแม้จะเริ่มในกริดลำดับที่ 13 แต่ก็สามารถเข้าเส้นชัยเป็นอับดับที่ 6 ได้ ทำให้เริ่มเป็นที่จับตามองในฐานะรุกกี้ที่โดดเด่นคนหนึ่ง
หลังจากนั้นไอ้หนุ่มจากเมือง Tavullia (ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ที่แฟนเดนตายของรอสซีจะต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึงปีละ 20,000 คน) ทำผลงานได้โดดเด่นต่อเนื่องจนเลื่อนมาสู่รุ่น 250 ซีซี และ 500 ซีซี ซึ่งเขาสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ทั้งหมด และเป็นนักบิดคนที่ 2 ที่สามารถคว้าแชมป์ครบทุกรุ่นได้ต่อจาก ฟิล รีด (ยุคหลังจากนั้นมี มาร์ค มาร์เกซ ที่คว้าแชมป์รุ่น 125 ซีซี, โมโตทู และโมโตจีพี)
ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงรายการแข่งขันเข้าสู่ยุคใหม่ในชื่อโมโตจีพี (MotoGP) แต่รอสซีก็ยังคงเป็นสุดยอดนักบิดไร้เทียมทาน และเป็นยุคทองของเขาอย่างแท้จริงเมื่อเขาสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ถึง 5 ปีติดต่อกัน (2001-2005)
นี่เป็นช่วงที่คนทั้งโลกไม่ว่าจะสนใจกีฬามอเตอร์สปอร์ตหรือไม่อย่างน้อยต้องเคยได้ยินชื่อของ วาเลนติโน รอสซี อารมณ์เดียวกับที่เคยได้ยินชื่อของ ไมเคิล จอร์แดน, ไทเกอร์ วูดส์ หรือมิชาเอล ชูมัคเกอร์
สิ่งที่ทำให้รอสซีแตกต่างจากนักบิดผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ คือการเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เป็นคนสนุก มีสีสัน เต็มไปด้วยพลังบวกที่พร้อมจะส่งต่อให้แฟนๆ ทุกคน เรียกได้ว่าไม่ได้ยอดเยี่ยมแค่พรสวรรค์ในการขับขี่ แต่ยังมีความเป็นนักเอ็นเตอร์เทนในตัวเองด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนๆ หลงรัก
ปรากฏการณ์ ‘Cult of Rossi’ นั้นมีให้เห็นทั่วทุกมุมโลก ที่โตเกียวมีร้านค้าที่ตกแต่งเป็นธีมของนักแข่งชาวอิตาลี, ในทะเลแคริบเบียนเราจะได้เห็นสินค้าของเขาวางขายตามชายหาดหรือเป็นสติกเกอร์ติดหลังรถ แม้กระทั่งหมู่บ้านเล็กๆ ในเชสเชียร์ ประเทศอังกฤษ ก็จะได้เห็นธงของเขาโบกสะบัดอยู่ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะเกี่ยวข้องใดๆ กับสถานที่เลย
ไม่ใช่เฉพาะแฟนกีฬาเท่านั้นที่ชื่นชอบในตัวเขา นักแสดงฮอลลีวูดอย่าง แบรด พิตต์ หรือ ทอม ครูซ เองก็นับถือรอสซีเป็นไอดอล และมีอาการตื่นเต้นที่ได้เจอกันทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นสุดยอดนักแสดงที่มีแฟนๆ หลายล้านคนทั่วโลก
ทั้งนี้ หลังจากครองความยิ่งใหญ่คนเดียวกับแชมป์โลก 5 สมัยติดต่อกัน รอสซีมาคว้าแชมป์ในระดับสูงสุดโมโตจีพีได้อีก 2 สมัยในปี 2008 และ 2009 แต่เริ่มเผชิญกับคู่แข่งที่ก้าวขึ้นมาท้าชิงอย่าง นิกกี้ เฮย์เดน (ผู้ล่วงลับจากอุบัติเหตุเมื่อ 4 ปีก่อน), เคซีย์ สโตเนอร์ ก่อนจะถึงยุคของ ฮอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมทีมยามาฮ่า และ มาร์ค มาร์เกซ ในยุคต่อมา ซึ่งแม้จะไม่เคยกลับมาครองแชมป์โลกได้อีกเลย แต่รอสซีก็แสดงให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ของเขาที่ไม่ยอมแพ้แม้ว่าสังขารจะร่วงโรยไปตามวัยแค่ไหนก็ตาม
จนกระทั่งถึงปีนี้ – ในวัย 42 ปี – ที่รอสซีเริ่มยอมรับว่าหมดเวลาสำหรับเขาจริงๆ แล้วในฐานะการเป็นนักแข่ง
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะบอกลาวงการไปตลอดกาล เพราะรอสซีมีทีม ‘Sky Racing Team VR46’ ซึ่งจะลงแข่งในระดับโมโตจีพีในปีหน้า ฤดูกาล 2022 เป็นต้นไป ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าจะทุ่มสรรพกำลังที่มีเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์นักบิดรุ่นใหม่มาสร้างสีสันให้แก่วงการ
หรืออาจจะรวมถึงการเปลี่ยนไปขับรถแข่งแทนตามที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมรักการแข่งรถ ดังนั้นผมอาจจะเปลี่ยนไปขับรถแข่งแทนในปีหน้า แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ ผมรู้สึกว่าผมจะต้องเป็นนักบิดหรือนักขับไปตลอดชีวิตที่เหลือของผม”
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามชื่อและเรื่องราวมากมายตลอด 26 ปีที่โลดแล่นในการเป็นนักบิดของ วาเลนติโน รอสซี คือสิ่งที่แฟนๆ ทั่วโลกจะไม่มีวันลืม
ไม่ใช่แค่เพียงการเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เป็นคนที่มีแฟนรักมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนก็ตาม
และทุกคนพร้อมจะร่วมแสดงความยินดีกับ The Last Dance การเต้นรำครั้งสุดท้ายของรอสซีที่บาเลนเซียในวันนี้
สถิติที่น่าสนใจของ ‘The Doctor’
- วาเลนติโน รอสซี เป็นนักบิดคนเดียวในโลกที่คว้าแชมป์ครบ 4 รุ่น (125, 250, 500 และโมโตจีพี)
- รอสซี เป็น 1 ใน 2 นักแข่งที่คว้าแชมป์ทั้งรถเครื่อง 2 สูบและ 4 สูบ
- The Doctor เคยขึ้นโพเดียมมาแล้วทั้งหมด 235 ครั้ง (ทุกรุ่น) มากที่สุดตลอดกาล
- ‘VR46’ ลงแข่งมาแล้วทั้งสิ้น 38 สนามแข่งทั่วโลก และคว้าแชมป์ (อย่างน้อยหนึ่งครั้ง) ใน 29 สนาม ไม่เคยมีนักบิดคนไหนที่จะทำได้แบบนี้มาก่อน
อ้างอิง: