ทุกวันนี้เครื่องสำอางกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก มนุษย์ยุคนี้จึงคุ้นเคยกับร้านดรักสโตร์และร้านเครื่องสำอางมากมายที่พร้อมเสิร์ฟไอเท็มความงามให้ได้เลือกสรรกันตั้งแต่หัวจรดเท้า
บรรดาเทสเตอร์ที่วางเรียงรายทำหน้าที่ไม่ต่างจากนางกวัก คอยเรียกสาวๆ ให้เข้าหา ข้อดีของการลองเครื่องสำอางนั้นมีมากมาย ขณะเดียวกัน THE STANDARD ก็อยากให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงข้อเสียของมันเช่นกัน มันดีกว่าแน่ หากเรารู้เท่าทันอันตรายจากการลองเทสเตอร์เหล่านี้ ต่อไปจะได้ลองใช้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องติดโรคใดๆ กลับมา
หนังสือพิมพ์ เดลิเมล์ ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่านักจุลชีววิทยาออกมาเตือนถึงภัยที่อาจเกิดจากการลองเทสเตอร์เครื่องสำอางตามร้านขายเครื่องสำอางหรือดรักสโตร์ทั่วไป เพราะการทดลองใช้เครื่องสำอางกลายเป็นส่วนหนึ่งของการแพร่กระจายของโรคอันตรายที่สามารถติดต่อกันผ่านการใช้เครื่องสำอางได้ เช่น โรคเริม และเชื้อแบคทีเรีย อาทิ ซัลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าเป็นเชื้อที่ปกติจะก่อให้เกิดโรคผ่านการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อน หรือรับประทานผักผลไม้ที่ไม่สะอาด ทั้งนี้เชื้อโรคเหล่านี้อาจติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ผ่านการทดลองใช้ลิปสติกร่วมกัน
โดยปกติคนส่วนใหญ่มักไม่สะดวกใจที่จะใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่น แต่กลับมีความสุขที่ได้ลองเครื่องสำอางต่อจากคนแปลกหน้า (จริงใช่ไหมล่ะ) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่การแพร่กระจายเชื้อโรค ทั้งเชื้อแบคทีเรียและโรคเริมมีความเสี่ยงจะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก
โดยเทสเตอร์ 1 ชิ้นสามารถถูกใช้โดยคนจำนวน 30-40 คนที่แตกต่างกัน ยิ่งกระจายความเสี่ยงของการติดเชื้อได้มากขึ้น
เร็วๆ นี้ มีสาวชาวอเมริกันฟ้องบริษัทความงามแห่งหนึ่งหลังจากเธออ้างว่า ติดเชื้อโรคเริมจากผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
จากผลการศึกษาเครื่องสำอางจำนวน 67 ชิ้น ในปี 2016 พบว่า 3 ใน 4 ของรายการเครื่องสำอางเหล่านี้มีพาหะของเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในกลุ่มสแตปฟิโลคอคคัส (Staphylococcus) ซึ่งพาหะเหล่านี้มักอาศัยอยู่บนผิวหนังของคนสุขภาพดีหลายคน แต่ส่วนใหญ่จะไม่เคยได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อนี้ แต่ในบางคนที่มีแผลเปิด หรือเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอยู่แล้ว จะทำให้เกิดการติดเชื้อหลายระดับตั้งแต่ระดับเบาๆ อย่างเป็นผื่นแต่ไม่รุนแรง และอาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดที่ส่งผลรุนแรงจนถึงชีวิตได้
แต่ใช่ว่าจะลองเครื่องสำอางไม่ได้เลย เพื่อให้การทดลองเครื่องสำอางไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายของเรา ดังนั้นเราคงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยมีวิธีดังนี้
งดการลองลิปสติก
เลี่ยงวิธีทาจากแท่งลิปสติกบนริมฝีปากเลย เพราะวิธีนี้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียและโรคเริมโดยการสัมผัสเชื้อที่ถูกทิ้งไว้บนลิปสติก หากอยากลองสีด้วยตัวเอง สามารถปาดสีลงบนหลังมือแทน (และอย่าเอาไปสัมผัสปากต่อด้วย) และใช้แผ่นเช็ดเครื่องสำอางเช็ดสีออกหลังจากลองเสร็จแล้วทุกครั้ง และงดให้เพื่อนยืมลิปสติกไปใช้ร่วมกัน เพราะเป็นสิ่งของส่วนตัวที่ควรใช้เฉพาะเราคนเดียว เพราะเราไม่รู้หรอกว่าเพื่อนของเรามีเชื้ออะไรซุกซ่อนอยู่หรือไม่ กันไว้ดีกว่าแก้แน่นอน
ร้อยละ 43 ของเครื่องสำอางมีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย
ผลวิจัยพบว่าร้อยละ 43 ของเครื่องสำอางประเภทมาสคาร่า ดินสอเขียนขอบตา และอายไลเนอร์ต่างๆ มักมีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย ดังนั้นจึงควรงดการลองสิ่งเหล่านี้ตามร้านขายเครื่องสำอางทั่วไป ใช้วิธีดูรูปภาพประกอบของสินค้าแทน หรือถ้าต้องการลองก็ให้ลองกับบริเวณหลังมือหรือท้องแขน แล้วเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง
แปรงแต่งหน้าสะสมเชื้อโรค
บรรดาแปรงแต่งหน้าที่ถูกวางอยู่ตามร้านขายเครื่องสำอางทั่วไป อย่าคิดว่าไม่อันตราย เพราะมีคนมากมายเอาไปใช้ปัดแก้ม แป้ง รองพื้น บางทีใช้แปรงกับสารพัดเครื่องสำอางชนิดฝุ่น และต่างคนก็มาจากต่างถิ่น พฤติกรรมการรักษาความสะอาดก็ต่างกัน เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีใครมาทิ้งเชื้อโรคเอาไว้ที่แปรงแต่งหน้าบ้าง ทางที่ดี ลดใช้แปรงแต่งหน้าร่วมกับผู้อื่นเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน
หมั่นตรวจสอบเครื่องสำอางและวันหมดอายุ
ไม่ใช่แค่เทสเตอร์ตามร้านค้าทั่วไปเท่านั้นที่ส่งผลร้ายต่อดวงตา ริมฝีปาก และผิวพรรณของเรา ให้หมั่นตรวจสอบเครื่องสำอางของตัวเองเกี่ยวกับวันหมดอายุด้วย เพราะอันตรายจากเครื่องสำอางหมดอายุก็ส่งผลร้ายได้รุนแรงไม่แพ้กัน อันไหนที่อยู่ในกระเป๋าเมกอัพมาเป็นปีๆ แล้วก็โละทิ้ง ไม่ควรเสียดาย ส่วนแปรงแต่งหน้าของตัวเอง ก็หมั่นทำความสะอาดทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
Photo: ShutterStock
อ้างอิง:
