×

เปิดเกร็ดน่าสนใจ The Creator หนังไซไฟฟอร์มยักษ์จากผู้กำกับ Rogue One ที่เดินทางมาถ่ายทำในไทยถึง 17 จังหวัด

24.09.2023
  • LOADING...
The Creator

อีกหนึ่งภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์ที่น่าจับตามองของปีนี้ สำหรับ The Creator ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดจาก Gareth Edwards เจ้าของผลงาน Monsters (2010), Godzilla (2014) และ Rogue One: A Star Wars Story (2016) โดยครั้งนี้ Gareth Edwards จะพาผู้ชมก้าวเข้าสู่โลกอนาคตที่เกิดสงครามระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ AI อัจฉริยะ พร้อมได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง John David Washington จาก BlacKkKlansman (2018) และ Tenet (2020) มาร่วมทำภารกิจที่มีชะตากรรมของมนุษยชาติเป็นเดิมพัน  

 

วันนี้ THE STANDARD POP ถือโอกาสรวบรวมเกร็ดน่าสนใจจาก The Creator มาให้ทุกคนได้อุ่นเครื่อง ก่อนไปร่วมสงครามสุดยิ่งใหญ่พร้อมกัน 28 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์ 

 

The Creator

 

เมื่อเขาต้องเลือกข้างระหว่าง ‘มนุษยชาติ’ หรือ ‘หุ่นยนต์’

The Creator จะพาผู้ชมออกเดินทางสู่โลกอนาคต เมื่อหุ่นยนต์ AI สุดอัจฉริยะที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องมนุษย์กลับมีความคิดเป็นของตัวเองและตัดสินใจก่อสงครามกับมนุษย์เสียเอง 

 

วันหนึ่ง Joshua (John David Washington) เจ้าหน้าที่พิเศษมากฝีมือ และทีมของเขาได้รับภารกิจสำคัญให้ออกตามหาและสังหาร The Creator ผู้ออกแบบ AI ระดับสูงที่กำลังอยู่ระหว่างการผลิตอาวุธสังหารลับ เพื่อยุติสงครามในครั้งนี้และอาจนำมาสู่การสูญสิ้นของมนุษยชาติ แต่เมื่อเดินทางไปถึง อาวุธสังหารที่พวกเขาค้นพบกลับกลายเป็นเด็กหญิงคนหนึ่ง  

 

The Creator

 

Gareth Edwards จากแฟน Star Wars ที่ได้กำกับ Rogue One สู่ The Creator หนังไซไฟในฉบับของตัวเอง

Gareth Edwards นับว่าเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับมากฝีมือที่เติบโตมากับภาพยนตร์ตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะประสบการณ์ชมภาพยนตร์ Star Wars ของผู้กำกับ George Lucas ที่จุดประกายให้เขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่ 

 

โดยภายหลังจากที่ Gareth Edwards ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการกำกับหนังสั้นของตัวเองและทำงานในตำแหน่งวิชวลเอฟเฟกต์มานานหลายปี เขาก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ขนาดยาวครั้งแรกใน Monsters (2010) ภาพยนตร์ไซไฟ-สยองขวัญทุนต่ำ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของโลกที่ถูกเอเลี่ยนบุกโจมตี แต่ด้วยงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัด Gareth Edwards จึงต้องรับหน้าที่เป็นทั้งผู้กำกับ เขียนบท ผู้กำกับภาพ ไปจนถึงทำวิชวลเอฟเฟกต์ด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อตัวภาพยนตร์ออกฉายก็สามารถทำรายได้รวมทั่วโลกไปกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้างประมาณ 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ 

 

ไม่นานจากนั้น Gareth Edwards ก็ได้รับการทาบทามให้มาเป็นผู้ปลุกชีพ ‘ราชาแห่งสัตว์ประหลาด’ ให้ออกมาโลดแล่นบนจอเงินอีกครั้งใน Godzilla ฉบับฮอลลีวูดที่ออกฉายในปี 2014 และถือเป็นผลงานเรื่องแรกของจักรวาล MonsterVerse ซึ่งแม้จะได้รับเสียงวิจารณ์จากผู้ชมที่หลากหลาย แต่ภาพยนตร์ก็สามารถกวาดรายได้รวมทั่วโลกไปได้สูงกว่า 524 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

ภายหลังจากได้พิสูจน์ฝีมือการกำกับภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ ในที่สุด Gareth Edwards ก็ได้รับโอกาสครั้งสำคัญอีกครั้ง กับการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลอันไกลโพ้นที่เคยจุดประกายให้เขาอยากเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ นั่นคือภาพยนตร์เรื่อง Rogue One: A Star Wars Story ที่ออกฉายในปี 2016 ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์และผู้ชมอย่างเนืองแน่น พร้อมกวาดรายได้รวมทั่วโลกไปได้สูงถึง 1,056 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

ภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดถล่มเมืองก็ทำมาแล้ว ได้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล Star Wars ที่เขาชื่นชอบก็ทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวที่ Gareth Edwards จะได้ลงมือสร้างสรรค์ภาพยนตร์ไซไฟในฉบับของตัวเองเสียที นั่นคือ The Creator

 

The Creator

    

 

ทิวทัศน์ของเมืองไทยที่เราคุ้นตาในบรรยากาศของหนังไซไฟโลกอนาคต 

ไอเดียในการสร้าง The Creator เริ่มต้นขึ้นในช่วงที่ Gareth Edwards ได้เดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวที่รัฐไอโอวา ซึ่งสองข้างทางมีพื้นที่เพาะปลูกอันกว้างใหญ่ จนกระทั่งเขาได้พบกับโรงงานแห่งหนึ่งที่มีป้ายภาษาญี่ปุ่นติดอยู่ด้านหน้า ภาพดังกล่าวจุดประกายให้เขาจินตนาการไปต่างๆ นานาว่าภายในโรงงานนั้นอาจกำลังแอบสร้างหุ่นยนต์อยู่อย่างลับๆ และมีภาพของหุ่นยนต์ที่ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าและกำลังแหงนมองท้องฟ้ากว้างใหญ่ เขาจึงนำไอเดียดังกล่าวมาต่อยอดเป็นภาพยนตร์ไซไฟเรื่องใหม่ของตัวเอง

 

ไม่นานจากนั้น Gareth Edwards ก็ได้มีโอกาสเดินทางมาที่ประเทศไทยและเวียดนามร่วมกับเพื่อนผู้กำกับของเขาอย่าง Jordan Vogt-Roberts (ผู้กำกับ Kong: Skull Island) ซึ่งการได้สัมผัสกับทิวทัศน์ของนาข้าวและความเชื่อทางศาสนาพุทธ ก็ทำให้เขาเริ่มจินตนาการถึงสิ่งก่อสร้างในโลกอนาคตสุดล้ำที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งนา และหุ่นยนต์ AI ที่สวมชุดคล้ายพระ

 

จากจินตนาการที่นำสิ่งก่อสร้างและหุ่นยนต์สุดล้ำจากโลกอนาคตมาผสมผสานเข้ากับทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าและชนบท ก็ทำให้ Gareth Edwards มองเห็นโลกที่เขาต้องการนำเสนอชัดเจนมากขึ้น จนนำมาสู่เรื่องราวของโลกอนาคตที่เกิดสงครามระหว่างฝ่ายหุ่นยนต์ AI อัจฉริยะและฝ่ายมนุษย์ พร้อมชวนผู้ชมมาร่วมสำรวจแง่มุมของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกที่ถูกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน ผ่านตัวละครที่ถูกโยนให้เข้าไปอยู่ท่ามกลางสังคมที่มีความคิด วิถีชีวิต และความเชื่อที่แตกต่างจากตัวเอง เขาจะรับมือและตัดสินใจกับสิ่งที่เขาพบเจออย่างไร

 

นอกเหนือจากนี้ Gareth Edwards ยังได้นำองค์ประกอบอันโดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมหลายเรื่องมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เรื่องราวของ The Creator อีกด้วย เช่น Apocalypse Now (1979) ของผู้กำกับ Francis Ford Coppola, Blade Runner (1982) ของผู้กำกับ Ridley Scott, Rain Man (1988) ของผู้กำกับ Barry Levinson, E.T. the Extra-Terrestrial (1982) ของผู้กำกับ Steven Spielberg ฯลฯ รวมถึงหนังสือเรื่อง Heart of Darkness ของนักเขียน Joseph Conrad  

 

The Creator

 

และเพื่อให้ The Creator เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่มีกลิ่นอายแตกต่างไปจากภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน Gareth Edwards จึงมีความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในสถานที่จริงและนักแสดงจริงๆ มากกว่าถ่ายทำในสตูดิโอ โดยทีมสร้างได้เดินทางไปถ่ายทำใน 80 สถานที่จาก 8 ประเทศ ทั้งเวียดนาม, กัมพูชา, เนปาล, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, อังกฤษ, ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา  

 

รวมถึงประเทศไทย ที่ทีมสร้างได้ออกเดินทางมาถ่ายทำในสถานที่สำคัญๆ ถึง 40 สถานที่ ใน 17 จังหวัดทั่วประเทศไทย เช่น สะพานมอญ จังหวัดกาญจนบุรี, บ้านมุง จังหวัดพิษณุโลก, อ่าวนาง จังหวัดกระบี่, ปราสาทสัจธรรม จังหวัดชลบุรี, สถานีรถไฟแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน ฯลฯ เรียกได้ว่าผู้ชมชาวไทยจะได้สัมผัสกับสถานที่ที่คุ้นเคยในบรรยากาศของภาพยนตร์ไซไฟโลกอนาคตอย่างแน่นอน 

 

โดยผู้กำกับ Gareth Edwards ได้กล่าวถึงการเดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทยว่า “ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศไทย และทีมของพวกเราได้เดินทางกว่า 10,000 ไมล์ในประเทศต่างๆ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ภาพยนตร์เรื่องนี้เราถ่ายทำในไทยกว่า 40 สถานที่ ใน 17 จังหวัด เราเลือกประเทศไทยเป็นประเทศหลักในการถ่ายทำ เพราะประเทศไทยมีครบทุกอย่างที่เราต้องการ มีทีมงานโปรดักชันที่ยอดเยี่ยมมากๆ สถานที่ถ่ายทำหลากหลาย ทั้งชายหาดที่กระบี่ ถนนสุดพลุกพล่านในกรุงเทพฯ และป่าในเชียงใหม่ และเราใช้โรงแรมกว่า 150 แห่งตลอดการถ่ายทำ ซึ่งมากกว่าภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่เคยมีมา นอกจากนี้ คนไทยมีความจริงใจ ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจตลอด 9 เดือนในการถ่ายทำ”

 

The Creator  

 

ทัพนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือที่มาร่วมรังสรรค์โลกอนาคต 

นอกเหนือจากชื่อของ Gareth Edwards ที่มานั่งแท่นผู้กำกับ เขียนบท และโปรดิวเซอร์ ภาพยนตร์ยังเนืองแน่นด้วยทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือที่มาร่วมสร้างสรรค์จินตนาการของผู้กำกับให้ปรากฏบนจอภาพยนตร์ นำโดย Chris Weitz ที่เคยร่วมงานกับ Gareth Edwards มาแล้วใน Rogue One: A Star Wars Story มารับหน้าที่เขียนบทร่วม, Greig Fraser เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Dune (2021) และ Oren Soffer จาก Action Royale (2021) มาดูแลในตำแหน่งผู้กำกับภาพ

 

James Clyne จาก Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker (2019) มารับหน้าที่ออกแบบงานสร้าง, Hank Corwin จาก Don’t Look Up (2021), Scott Morris จาก Armageddon Time (2022) และ Joe Walker เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Dune มารับหน้าที่ตัดต่อ และคอมโพเซอร์มากฝีมืออย่าง Hans Zimmer จาก Interstellar (2014), Dune ฯลฯ มารับหน้าที่ประพันธ์ดนตรีประกอบ 

 

เสริมทัพด้วยทีมนักแสดงเจ้าบทบาทที่จะมาร่วมสงครามครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น John David Washington จาก Tenet, Gemma Chan จาก Eternals (2021), Ken Watanabe จาก The Last Samurai (2003), Sturgill Simpson จาก Killers of the Flower Moon (2023), Allison Janney จาก I, Tonya (2017) และ Madeleine Yuna Voyles

 

รับชมตัวอย่างได้ที่: 

 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising