ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ในระดับ D-segment ซึ่งเดิมทีนับเป็นรถหรูที่ช่วยแสดงสถานะทางสังคม แต่ด้วยตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงทั่วโลก ทำให้ความนิยมของรถยนต์ในระดับนี้ลดลง ขณะที่รถยนต์หรูจากค่ายยุโรปได้ปรับตัวลงมาแข่งขันกับรถยนต์ในระดับนี้มากขึ้น ความท้าทายในครั้งนี้จึงตกไปอยู่กับค่ายรถญี่ปุ่นเต็มๆ

 

ครั้งนี้ ฮอนด้าก็พร้อมรับมือด้วยการส่ง All-new Honda Accord เจเนอเรชันที่ 10 ที่ต้องบอกเลยว่า พลิกโฉมใหม่หมด ทั้งดีไซน์และจัดเต็มเทคโนโลยีและฟีเจอร์ล้ำๆ มาให้อย่างครบครัน นับเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญที่คาดว่าจะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ตลาด D-segment ให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

 

นอกจากจะเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญแล้ว All-new Honda Accord ยังมาพร้อมกับคอนเซปต์การสื่อสารการตลาดที่สร้างสรรค์และน่าสนใจมากเสียด้วย ซึ่ง THE STANDARD อยากจะชักชวนคุณผู้อ่านมาเจาะลึกให้เห็นกันถึงความครีเอทีฟดังกล่าวนี้

 

“เราจะไปได้ไกลแค่ไหน…ถ้ายังเชื่อในเส้นทางเดิมๆ”

 

นี่คือแนวคิดหลักของภาพยนตร์โฆษณา The Accord ‘All New Horizon Begins’ โดยต้องการที่จะสื่อสารว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ปลายทางของเส้นขอบฟ้ามีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่เดิม” นั่นหมายความว่า หากเรายังคงอยู่กับสิ่งเดิมๆ ความเคยชินเดิมๆ โดยไม่มองมุมต่างหรือใช้วิธีคิดใหม่ๆ ก็ย่อมจะทำให้เราไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลย ในครั้งนี้ ฮอนด้าจึงไม่หยุดที่จะคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อน โดยกล้าที่จะทิ้งรูปแบบเดิมๆ พร้อมพัฒนาทุกสิ่งบนเส้นทางใหม่ที่แตกต่าง เพื่อให้ All-new Honda Accord เป็นยนตรกรรมที่ดีที่สุด

 

การกลับมาของ All-new Honda Accord ในครั้งนี้ เปรียบเสมือนบทพิสูจน์การพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่แบบก้าวกระโดด ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณาชุดนี้ จะนึกได้ถึงภาพที่รถวิ่งบนถนนเส้นใหม่ที่มุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เปรียบเสมือนการพาไปสู่โลกบทใหม่ของยนตรกรรมที่มี All-new Honda Accord เป็นผู้กำหนดนิยามของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนในรูปแบบใหม่ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะที่ตอบสนองได้ดั่งใจ แต่ประหยัดน้ำมัน รวมถึงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

 

All New Elegance

หากพูดถึงรถยนต์ในกลุ่ม D-Segment หลายคนจะนึกถึงความหรูหรา สง่างาม และความสะดวกสบายเป็นหลัก แต่ในครั้งนี้ All-new Honda Accord ได้ฉีกรูปแบบความหรูหราในแบบเดิมๆ ด้วยดีไซน์ใหม่ ที่ยังคงสวยงามหรูหรา แต่ผสมผสานความสปอร์ตเข้าไปได้อย่างลงตัว ผ่านเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว รูปทรงหลังคาที่ลาดลงในสไตล์สปอร์ตคูเป้ โดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบแอลอีดีดีไซน์ใหม่ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ All-new Honda Accord โดยเฉพาะ พร้อมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต

 

All New Sensation

 

 

สร้างนิยามใหม่ของประสบการณ์การขับขี่ที่มาพร้อมห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-Up Display: HUD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple Carplay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) เป็นต้น

 

All New Era of Engine

ครั้งนี้ ฮอนด้าได้พัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นตัวเปลี่ยนผ่าน ก่อนที่จะก้าวไปสู่ยุคของรถพลังงานไฟฟ้าแบบเต็มขั้นอย่างเครื่องยนต์เทอร์โบและระบบไฮบริด ที่ต่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di-VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ซึ่งฮอนด้าเคลมเลยว่า ให้สมรรถนะการขับขี่ที่มากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ในรุ่นเดิม แถมยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 อีกด้วย

 

และอีกทางเลือกขุมพลังด้วย ระบบ Sport Hybrid I-MMD เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร

 

Safety And Driving Technology

 

 

หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องราวของยานยนต์ไร้คนขับ หรือ Autonomous Driving มากันบ้างแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยของ All-new Honda Accord นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นสู่ระบบการขับขี่แบบอัตโนมัติในอนาคต ด้วยการนำระบบตรวจจับหรือเซนเซอร์มาใช้พัฒนาระบบความปลอดภัย เพื่อตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ หรือแม้แต่ช่วยคำนวณความเร็วและระยะห่างจากรถคันอื่นๆ เป็นต้น

 

อย่าง เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งประกอบด้วยระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) และระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) นอกจากนี้ ยังมาพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยล้ำสมัยอื่นๆ อาทิ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System) ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor) เป็นต้น

 

 

อย่างไรก็ตาม ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและกล้าที่จะแตกต่าง นับเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่สิ่งที่ท้าทายกว่าคือ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะต้องโดนใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่ง All-new Honda Accord เป็นหนึ่งบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การจัดเต็มเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในเรื่องของเครื่องยนต์ที่แรงเร้าใจ ประหยัดน้ำมัน สะดวกสบาย และปลอดภัย มั่นใจในทุกการขับขี่ สมกับนิยามการเป็นยนตรกรรมที่ดีที่สุดที่พร้อมขับเคลื่อนทุกคนสู่โลกใบใหม่ตามคอนเซปต์ The Accord ‘All New Horizon Begins’ อย่างแท้จริง

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล