วันนี้ (29 กันยายน) ที่พรรคไทยภักดี เวลา 09.09 น. ถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรรคไทยภักดี พร้อมรับตำแหน่งประธานพรรค โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรค และคณะ ให้การต้อนรับ
ถาวรกล่าวความอึดอั้นภายในใจของตนเองต่อความล้มเหลวในการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันว่า การรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีความประสงค์ที่จะยุติความวุ่นวายและกวาดล้างการทุจริต โดยมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ให้อำนาจมาตรา 44 เปิดโอกาสให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่ชาติ (คสช.) ใช้อำนาจทางนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและตุลาการ ในการปราบกวาดล้างการทุจริต แต่ปรากฏว่าคนโกงชาติยังลอยนวล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไทยภักดี ระดมทุนสู้ศึกเลือกตั้ง 23 ต.ค. นี้ บัตรแพงสุด 10,000 บาท เชื่อคุ้มเพราะได้นวัตกรรมที่ไม่มีพรรคไหนทำได้
- ชมคลิป: ถาวร เสนเนียม เข้าสมัครสมาชิกพรรคไทยภักดี | THE STANDARD
แม้ว่าคณะ คสช. ตั้งเป้ายุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งมีหลักสำคัญภายใน 20 ปี ประเทศไทยจะต้องลดการโกง ทุจริตคอร์รัปชัน ให้อยู่ในอันดับ 1 ใน 50 ของโลกให้ได้ แต่ผลกลับปรากฏว่าล้มเหลว พร้อมยกตัวอย่างความล้มเหลวว่า ในปี 2555 ประเทศไทยได้รับการตรวจสอบการทุจริต ตัวเลขของประเทศไทยในขณะนั้นอยู่ลำดับที่ 88 แต่ปี 2564 เราอยู่ลำดับที่ 110 ได้คะแนน 35 คะแนน นี่คือความเจ็บช้ำของพี่น้องประชาชน
ถาวรได้ตั้งคำถามว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ คำมั่นสัญญาที่จะปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปประเทศไม่ใช่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เก็บไว้เพื่อหาเสียง ไม่ใช่เก็บไว้เพื่อที่จะทอดอำนาจต่อ แต่การปฏิรูปประเทศเป็นการแลกด้วยเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหว
“แม้ว่าพรรคไทยภักดีจะเป็นพรรคเล็ก ไม่มีนายทุนผูกขาด แต่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ตั้งใจที่จะทำการเมืองให้ดีขึ้น จะต้องปฏิรูปประเทศให้ครบทุกด้าน ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของการเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่แค่พูดและให้ลูกน้องนำเงินไปซื้อเสียง การเลือกตั้งในหลายเขตใช้เงินกว่า 100 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของวงจรอุบาทว์นี้ ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ เราสามารถสกัดกั้นคนไม่ดีไม่ให้มาบริหารประเทศได้ และส่งเสริมคนดีให้มานั่งบริหารประเทศ” ถาวรกล่าว
ถาวรยังได้กล่าวถึงการพ้นจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของตนเองว่า ตนสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปี 2511 โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก เป็นเหตุให้ต้องขาดจากสมาชิกพรรค เนื่องจากข้อบังคับของพรรคประชาธิปัตย์ได้ระบุไว้ว่า คนที่จะเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว
“ขอชี้แจงว่าผมไม่ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ผมยังคงรัก ยังคงยึดมั่นอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ในข้อ 1 ที่ว่าพรรคจะทำการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ ขออนุญาตบรรพบุรุษพรรคประชาธิปัตย์ ขอเอาอุดมการณ์ในข้อที่ 1 นั้นมาปรับใช้ที่พรรคไทยภักดีด้วย เพราะการทำการเมืองโดยสุจริตนั้นไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของท่านใด จะต้องเป็นเรื่องของนักการเมืองทุกคนที่จะต้องเอามาใช้” ถาวรกล่าว และบอกว่า
“นับจากวันที่ 29 เดือน 9 เวลา 09.09 น. ผมได้มอบจิตวิญญาณ ได้มอบความตั้งใจ ได้มอบพละกำลัง แก้ไขปัญหาประเทศ ปฏิรูปประเทศ ความเหลื่อมล้ำจะต้องหมดไป และสุดท้ายชาติบ้านเมืองของเราจะต้องเจริญ พี่น้องประชาชนจะต้องอยู่ดีกินดี คนชั่วจะไม่มีที่ยืนกับพี่น้องครับ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ ถาวรระบุว่า เมื่อสักครู่นี้ได้พูดชัดแล้ว หากไม่มีการปฏิรูป ไม่ปราบปรามทุจริต ก็ต้องพอกันที
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการควบรวมพรรคเพื่อสู้กับสูตรหาร 100 ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ถาวรกล่าวว่า การควบรวมไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องดูอุดมการณ์ จุดยืน นโยบาย และความจริงใจในพรรคการเมืองนั้นๆ ที่พร้อมจะมาจับมือกับเรานั้นตรงกันหรือไม่ ยืนยันว่าขณะนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะไปจับมือกับใคร และพรรคไทยภักดีพร้อมสู้ทุกกติกาของสูตรคำนวณในการเลือกตั้ง
“พรรคไทยภักดียืนด้วยความแข็งแกร่ง หัวใจที่พองโต และมีความมุ่งมั่นสูงมากๆ” ถาวรกล่าว