วันนี้ (7 กันยายน) การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม จำนวน 4 ฉบับ ต่อเป็นวันที่สอง ตามที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคร่วมฝ่ายค้าน และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 64,151 คน เป็นผู้เสนอ
ถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายว่า การปิดสวิตช์ ส.ว. ถ้ายกเหตุผลมาพูดคงไม่มีอะไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 2 วันคือ ท่วงท่าการให้ความเห็นตัดอำนาจ ส.ว. ของ ส.ส. ด้วยถ้อยคำรุนแรง เช่น บ้าอำนาจ เผด็จการ หรือสืบทอดอำนาจ เป็นเรื่องที่มีมุมมองแตกต่างกันไป ช่วงชีวิตตนเห็นเผด็จการซ่อนเร้น ห่มผ้าประชาธิปไตย ท่องคำว่ามาจากประชาชน แต่พฤติกรรมเป็นเผด็จการ รวบอำนาจยิ่งกว่าเผด็จการตามรูปแบบ ทุกคนเคยเห็นมาแล้วเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เป็นเผด็จการจากพี่ไปน้อง ต่อไปอาจมีจากพ่อไปลูกก็ได้
ถวิลกล่าวต่อไปว่า ส.ว. มีจุดอ่อนเรื่องที่ไม่ได้มาจากประชาชน แต่รักษาผลประโยชน์ประชาชนไม่น้อยหน้าใคร การเลือก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก็เลือกด้วยเหตุผล เพราะ พล.อ. ประยุทธ์ ดีกว่าคนที่เสนอชื่อขึ้นมาตอนนั้น ไม่ได้คิดตอบแทนหนี้บุญคุณใคร ส.ว. เป็นหนี้บุญคุณประเทศ
การแก้มาตรา 272 ต้องใช้เสียง ส.ว. สนับสนุน แต่กลับด่า ส.ว. หยาบคาย แล้วจะให้ ส.ว. เห็นดีเห็นงามด้วยได้อย่างไร การเสนอครั้งนี้บางคนไม่ได้หวังผล แต่คิดด่าเอามันอย่างเดียว ถ้าเป็นเช่นนี้ให้ไปข้างนอก ไม่ใช่ในสภา ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ในสภาจากคนที่เรียกตัวเองเป็นผู้ทรงเกียรติ