วันนี้ (1 มิถุนายน) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.อ. นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะ ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังประเทศอินโดนีเซีย เพื่อประสานงานส่วนที่เหลือเพิ่มเติม ก่อนนำตัว ‘แป้ง นาโหนด’ หรือ ชวลิต ทองด้วง กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
โดย พ.ต.อ. ทวี กล่าวก่อนเดินทางถึงความชัดเจนในการนำตัว แป้ง นาโหนด กลับมาดำเนินคดีว่า นายกรัฐมนตรีได้ประสานกับกองทัพอากาศในการนำตัว แป้ง นาโหนด กลับมา โดยจะใช้เครื่องบินแอร์บัสของกองทัพอากาศ ซึ่งทางการอินโดนีเซียให้ไปรับได้ตั้งแต่พรุ่งนี้ แต่เนื่องจากเรื่องธุรการ รวมถึงเส้นทางการบินต้องขออนุญาตประเทศที่ผ่านทาง ทำให้ได้เวลาเหมาะสมว่าจะไปรับตัวกลับมาได้ในวันอังคารที่ 4 มิถุนายน ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานงานโดยตรงกับ ผบ.ตร. ของอินโดนีเซีย จึงได้ให้ พล.ต.ท. ประจวบ วงศ์สุข รักษาการรอง ผบ.ตร. เดินทางไปด้วย แต่ประเทศไทยมีกฎหมาย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ดังนั้นการจับกุมตัวจึงต้องบันทึกวิดีโอทุกขั้นตอนในการจับกุมก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งจะบันทึกตั้งแต่ที่อินโดนีเซีย
ส่วนการเดินทางไปในวันนี้เป็นการไปประสานงานภายในเพิ่มเติมในด้านเอกสารต่างๆ จากนั้นก็จะประชุมความร่วมมือกันในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อประสานงานเรื่องการหาข้อมูลของการค้ายาเสพติดรายสำคัญ จึงมี ป.ป.ส. เดินทางไปด้วย รวมถึงเป็นการไปขอบคุณทางการอินโดนีเซียที่สนับสนุนทั้งตำรวจอินโดนีเซีย ตำรวจท้องถิ่นเมืองเมดัน เกาะบาหลี ซึ่งทุ่มเททำงานในการจับกุมครั้งนี้ และจะพาตำรวจดังกล่าวมาพบทางการไทยด้วย
ขณะที่การส่งตัวกลับมา พ.ต.อ. ทวี ระบุว่า ไม่ได้เป็นการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่เป็นความร่วมมือต่างตอบแทน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีการส่งตัวกลับ เพราะทางการไทยได้ร้องขอให้จับกุมคนร้ายคนสำคัญ และอินโดนีเซียก็มีความสัมพันธ์อันดีกับไทย เพราะไทยเคยส่งผู้ต้องหาค้ายาไปให้อินโดนีเซียกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายอินโดนีเซีย ดังนั้นเมื่อ ‘แป้ง นาโหนด’ เป็นคนร้ายรายสำคัญของไทย แต่ไม่มีคดีในอินโดนีเซีย การส่งตัวกลับครั้งนี้จะเป็นการผลักดันออกนอกประเทศและการนำตัวกลับมา โดยเกิดจากการร่วมมือกันของอินเตอร์โพล
พ.ต.อ. ทวีกล่าวยืนยันว่า การจับกุม ‘แป้ง นาโหนด’ เกิดจากการมีหมายแดงอยู่แล้ว ส่วนวิธีสืบสวนเป็นเรื่องการติดตามตัวที่สืบมานานแล้ว และตำรวจก็ได้เกาะติดมานาน ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นการทะเลาะเบาะแว้งกับสาวในอินโดนีเซีย เพราะการทะเลาะเบาะแว้งไม่จำเป็นต้องมีหมายจับ และครั้งนี้ต้องให้เครดิตทางการอินโดนีเซียในการติดตามตัวมาให้
พ.ต.อ. ทวี ระบุถึงกรณีกระแสข่าวที่มีข้อมูลว่า แป้งนา โหนด เกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติว่า ทางการอินโดนีเซียตรวจสอบแล้ว ยืนยันเบื้องต้น แป้งยังไม่มีการกระทำความผิดในประเด็นนี้ ส่วนในอนาคตหากพบว่าแป้งกระทำความผิดและเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดข้ามชาติก็จะมีหมายจับตามมา ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคตที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย และอาจส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่อินโดนีเซีย
ทั้งนี้ตามขั้นตอน เมื่อ แป้ง นาโหนด กลับมาถึงประเทศไทย พร้อมกับ พล.ต.ท. ประจวบ และคณะที่ไปรับตัว ก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยพนักงานสอบสวนจะมาแจ้งข้อหาในคดีที่ยังสอบสวนอยู่ ทั้งคดีหมายจับพัทลุง 3 หมาย หมายจับนครศรีธรรมราชอีก1 หมาย รวม 4 หมายจับ ทั้งคดีพยายามฆ่า หนีที่คุมขัง และอาวุธปืน และจากนั้นราชทัณฑ์ก็จะไปควบคุมตัวไว้ตามคดีที่ถูกตัดสินถึงที่สุดให้จำคุกตลอดชีวิต ในคดีการปล้นทรัพย์ เรื่องการขัดแย้งยาเสพติด
พ.ต.อ. ทวี กล่าวอีกว่า แม้ในทางปฏิบัติจะต้องไปคุมตัวยังที่เกิดเหตุ แต่ในปัจจุบันใช้ช่องทางกระบวนการผ่านทางออนไลน์ได้ สามารถคุมขังที่กรุงเทพฯ ได้ ทำให้ยืนยันว่า เบื้องต้นจะนำตัว แป้ง นาโหนด ไว้ในเรือนจำความมั่นคงสูงที่กรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้หลบหนี และไม่ไปก่อเหตุซ้ำ
ทั้งนี้ยังไม่ได้ประสานเรื่องการโอนสำนวนคดีในพื้นที่พัทลุงและนครศรีธรรมราชมาที่กรุงเทพมหานคร
ส่วน แป้ง นาโหนด จะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในประเทศไทยหรือไม่นั้น พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า แม้จะยังไม่มีหลักฐานที่ปรากฏว่า แป้ง นาโหนด ค้ายาเสพติด แต่ถ้าไปอ่านคำพิพากษาคดีปล้นทรัพย์ก็จะมีรายละเอียดเรื่องนี้อยู่ ทำให้ตอนนี้อยู่ระหว่างการตั้งเรื่องสืบสวน
ขณะที่ความกังวลใจของครอบครัว รวมถึง แป้ง นาโหนด ที่กังวลว่าจะได้รับอันตราย หรือถูกฆ่าตัดตอน หากกลับเข้าเรือนจำอีกครั้งนั้น เพราะอาจไปเกี่ยวข้องกับการเปิดโปงการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ต.อ. ทวี ยืนยันว่า ก็คิดได้ แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะกระทรวงยุติธรรมและนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการสอบสวนเรื่องที่ แป้ง นาโหนด เคยพูด หากเป็นเรื่องจริงก็ดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้อง แต่หากไม่ใช่เรื่องจริงก็จะได้ซักฟอกตัวเอง และหวังว่าสิ่งที่แป้งพูดจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้นรัฐบาลก็จะต้องคุ้มครองป้องกันไม่ให้แป้งเสียชีวิตแน่นอน
ด้าน พล.ต.ท. ประจวบ กล่าวว่า ขั้นตอนของอินโดนีเซียขณะนี้ ทางการอินโดนีเซียได้ทำหนังสือไปที่ ตม. และทำเรื่องเนรเทศแจ้งไปยังสถานทูตไทย เพื่อให้ทำหนังสือปล่อยตัว แล้วทางการไทยจึงจะรับตัวมาได้ และเมื่อได้ตัวมาแล้วก็จะแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนทั้ง 2 จังหวัดเพื่อให้มาร่วมสอบปากคำตามข้อหาของหมายจับในพื้นที่ รวมถึงตำรวจจะต้องสอบปากคำเรื่องเส้นทางการหลบหนีทางทะเล ขบวนการช่วยเหลือ การให้ที่พักพิงทั้งในไทยและในอินโดนีเซีย ซึ่งจะสอบปากคำทั้งหมด รวมทั้งประเด็นตำรวจหญิงญาติของแป้งที่มีความใกล้ชิดกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ด้วย ว่าจะเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือให้หลบหนีในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งรายละเอียดจะปรากฏข้อเท็จจริงทั้งหมดหลังการสอบปากคำ