วันนี้ (19 พฤศจิกายน) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยังคงเดินทางช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และผู้สมัครสมาชิกสภา อบจ. (ส.อบจ.) ในนามคณะก้าวหน้า หาเสียงสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ โดยช่วงเช้าวันนี้ที่จังหวัดยโสธร ธนาธร พร้อมด้วย สฤษดิ์ ประดับศรี ผู้สมัครนายก อบจ.ยโสธร เบอร์ 3 ได้เดินทางไปดูการทำข้าวอินทรีย์แปลงสาธิต การทำนาด้วยน้ำบาดาลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อนเดินทางไปดูการทำธนาคารน้ำใต้ดินที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองหมี เพื่อออกแบบจัดทำนโยบายที่จะให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
ทั้งนี้ ในช่วงเย็นของวานนี้ (18 พฤศจิกายน) ที่บริเวณสนามฟุตบอลหน้าที่ว่าการอำเภอเลิงนกทา ธนาธร, สฤษดิ์ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.อบจ. คณะก้าวหน้า จัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมีประชาชนทยอยเข้าพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเย็น บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 1,000 คน
ธนาธรเริ่มต้นการปราศรัยด้วยการกล่าวว่า ที่ตนมาในวันนี้ เพื่อจะเชิญชวนพี่น้องชาวยโสธรออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่น และวันนี้คณะก้าวหน้าได้มาทำการเมืองท้องถิ่น ซึ่งไม่เคยมีใครตั้งใจทำและทำได้แบบที่เราทำมาก่อน นั่นคือ การส่งผู้สมัครลงแข่งขัน นายก อบจ. ถึง 42 จังหวัดในครั้งเดียว ภายใต้แคมเปญ การรณรงค์ และแนวนโยบายอุดมการณ์แบบเดียวกัน โดยที่จะชนะหัวจิตหัวใจของประชาชนด้วยอุดมการณ์ที่มั่นคง ด้วยแนวนโยบายที่ตอบสนองกับความเดือดร้อนของประชาชน ผู้สมัครนายก อบจ. ทั่วประเทศจะไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และจะไม่ทุจริตคอร์รัปชันอย่างแน่นอน เพราะเราไม่ได้ตั้งคณะก้าวหน้ามาเพื่อเอาภาษีประชาชน มาสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับตัวเองและพวกพ้อง แต่เราตั้งคณะก้าวหน้ามาเพื่อผลักดันประชาธิปไตยในประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในประเทศนี้ และเพื่อสร้างความก้าวหน้าในประเทศนี้
“การเมืองท้องถิ่นมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด และเราเชื่อว่าคนที่จะให้บริการสาธารณะให้กับประชาชนได้ดีที่สุดก็คือการเมืองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นระดับ อบต. เทศบาล หรือระดับ อบจ. นี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่ท่านจะเลือกอนาคตของจังหวัดยโสธร ว่าท่านจะเลือกไว้วางใจให้กับใครเข้าไปบริหารงบประมาณของจังหวัดที่มีปีละกว่า 500 ล้านบาท ดังนั้นวันที่ 20 ธันวาคม จึงเป็นเรื่องของการกำหนดอนาคตแนวทางการพัฒนาจังหวัดยโสธร รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงของทุกคนจึงมีคุณค่าและมีความหมายอย่างยิ่ง” ธนาธรกล่าว
ธนาธรยังกล่าวด้วยว่า ทำไมการเรียกร้องเสรีภาพเป็นความผิดบาปมากนักหรือในประเทศนี้ ทำไมการเรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญ เรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้ลูกหลานของเราเป็นความผิดบาปนักหรือ ถึงต้องยิงแก๊สน้ำตาใส่นิสิตนักศึกษาที่ออกไปชุมนุม พวกเราประชาชนมีแค่สองมือเปล่า เราไม่มีปืน ไม่มีตำรวจ ไม่มีทหาร ไม่มีศาล ไม่มีองค์กรอิสระยืนอยู่ข้างหลังเรา เรามีเพียงแต่มือเปล่า และการเลือกตั้งคือการส่งเสียงของประชาชนที่สันติที่สุด การเลือกตั้งคือกลไกที่สำคัญที่สุดที่จะยุติความคิดเห็นต่างในสังคม ขอให้ท่านจงใช้โอกาสนี้ หย่อนบัตรเลือกตั้งเพื่อส่งเสียงของประชาชนว่า เราไม่เอาอีกแล้ว เราจะไม่ทนอีกแล้ว พอกันทีกับสังคมที่มีแต่การกดขี่ กับการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ กับเศรษฐกิจที่ผูกขาด คนรวยก็รวยขึ้น คนจนก็จนลง
“จงบอกพวกเขาดังๆ ผ่านบัตรเลือกตั้ง ว่าเราไม่เอาอีกแล้ว กับสังคมที่ไม่มีความยุติธรรม ที่คุกหรือเรือนจำมีไว้แต่สำหรับขังคนจน คนรวยและคนมีอำนาจไม่เคยต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่เอาอีกแล้วกับสังคมที่ลูกหลานของเราเติบโตมาแล้วไม่มีงานทำ ถ้าอำนาจเป็นของประชาชนเมื่อไร สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น พวกเขาต้องการให้เราจน ต้องการให้เราโลภ เพื่อที่พวกเขาจะปกครองพวกเราง่าย แสดงให้พวกเขาเห็นว่า มือเปล่าของเราและสิทธิพลเมืองที่เรามีคือบัตรเลือกตั้ง แข็งแรงกว่าลูกปืนของพวกเขา การเลือกตั้งจึงเป็นการลงทุนที่น้อยที่สุดที่จะสร้างอนาคตที่ดีให้ลูกหลานของเราได้” ธนาธรกล่าว
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล