วันนี้ (7 เมษายน) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงกับพรรคก้าวไกลในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ที่ฝั่งธนบุรี แนะนำผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่งประกอบด้วย แอนศิริ วลัยกนก เขต 25 ทุ่งครุ-ราษฎร์บูรณะ (เบอร์ 9), ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขต 26 บางขุนเทียน-จอมทอง (เบอร์ 11), ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขต 27 บางบอน-บางขุนเทียน (เบอร์ 1) และ รัชนก ศรีนอก เขต 28 จอมทอง-บางบอน-หนองแขม (เบอร์ 4) เดินพบปะประชาชนที่ตลาดและชุมชนซอยโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา และขึ้นรถแห่ร่วมหาเสียงจากบางขุนเทียนไปจนถึงสุขสวัสดิ์
ก่อนข้ามฟากจากฝั่งธนบุรีมายังเขตห้วยขวางที่ตลาดเมืองไทยภัทร และตลาดห้วยขวาง หาเสียงช่วย แรมโบ้-กัณตภณ ดวงอัมพร เขต 6 พญาไท-ดินแดง (เบอร์ 3) และ เฉลิมชัย กุลาเลิศ เขต 5 ห้วยขวาง-วังทองหลาง (เบอร์ 12) ก่อนปิดท้ายการหาเสียงของวันนี้ที่เขตลาดกระบัง ร่วมกับ ธีรัจชัย พันธุมาศ เขต 18 หนองจอก-ลาดกระบัง-มีนบุรี (เบอร์ 8) ที่ตลาด V Market
ระหว่างการร่วมหาเสียง สื่อมวลชนที่มาติดตามได้ถามคำถามต่อธนาธรถึงสถานการณ์ทั่วไปในทางการเมืองและการเลือกตั้ง โดยเบื้องต้นได้สอบถามถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งธนาธรระบุว่าการแบ่งเขตเช่นนี้ กำลังนำมาซึ่งความสับสนต่อทั้งประชาชนและพรรคการเมือง แต่ไม่ว่ากติกาจะเป็นแบบไหน ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ และเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวกรุงเทพฯ เพราะผลงาน 4 ปีในสภาเป็นที่พิสูจน์แล้วว่าพรรคก้าวไกลทำงานอย่างมุ่งมั่นคุ้มค่าภาษีประชาชน โดยต่อจากนี้ทั้งพรรคก้าวไกลและตนจะใช้อีก 40 วันที่เหลือในการทำงานให้หนัก ให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจที่เรามีร่วมกัน
ธนาธรยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีการออกแบบนโยบายด้านปากท้องที่แตกต่างกันไปของแต่ละพรรคการเมือง โดยระบุว่าจากวิกฤตที่ผ่านมาทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้วันนี้คนไทยอ่อนแอลงมาก ประเทศไทยจะเข้มแข็งไม่ได้เลยถ้าประเทศไทยและคนไทยยังมีหนี้ครัวเรือนที่สูงขนาดนี้ ถ้าคนไทยยังต้องทนปากกัดตีนถีบใช้ชีวิตไปวันต่อวัน วางแผนชีวิตไม่ได้ ไม่มีความมั่นคงในชีวิตต่อยอดไม่ได้ เพื่อออกจากสภาวะแบบนี้ ประเทศไทยต้องมีรัฐสวัสดิการที่ยั่งยืนเพื่อให้ประชาชนมั่นคง มีความต่อเนื่องของนโยบายเพื่อที่จะทำให้ประชาชนสามารถวางแผนชีวิตตัวเองและต่อยอดการทำมาหากินได้
“การเยียวยาประชาชนในระยะสั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่พรรคก้าวไกลมองไปถึงการสร้างอุตสาหกรรม สร้างงานในระยะยาวมากกว่า เพราะสิ่งที่น่ากลัวสำหรับเศรษฐกิจไทยไม่ใช่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ถดถอยซึ่งเป็นเรื่องระยะสั้น แต่สิ่งที่อันตรายกว่าคือการสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ซึ่งมีแต่การสร้างเทคโนโลยีของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น ที่จะทำให้ประเทศไทยสร้างการส่งออกใหม่ๆ แข่งขันกับโลกในระยะยาวได้” ธนาธรกล่าว
ธนาธรยังได้ตอบคำถามของสื่อมวลชนในกรณีวิวาทะของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกลที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ในกรณีข้อเสนอลบล้างผลพวงจากการรัฐประหาร โดยระบุว่าก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของปิยบุตรในการแสดงความคิดเห็น เพราะถ้าหากเชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองที่กล้าต่อสู้กับการทำรัฐประหารอย่างจริงจัง คงไม่มีอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่กลายมาเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ แต่ในขณะเดียวกันตนก็เชื่อว่าถ้าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยสามารถจับมือกันได้ จะมีทั้งพลังและประสบการณ์ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย
“การร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ยังคงเป็นทางเลือกการจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุดสำหรับประเทศในตอนนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นได้จริง ก็ยังมีความจำเป็นที่ทั้งสองพรรคต้องปรับจูนกันหลายอย่าง นโยบายของเพื่อไทยที่ดี ผมเชื่อว่าพรรคก้าวไกลพร้อมผลักดันสนับสนุนอยู่แล้ว และเชื่อว่านโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนเช่นกัน ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับการหารือของทั้งสองพรรคหลังจากการเลือกตั้ง ว่าจะพาสังคมไทยไปข้างหน้าอย่างไร” ธนาธรกล่าวทิ้งท้าย