วันนี้ (21 มกราคม) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงข่าวกรณีรัฐบาลแจ้งความดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังได้ไลฟ์ประเด็นวัคซีนพระราชทาน
ธนาธรเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาวัคซีน ว่าเพื่อไม่ให้สังคมเข้าใจผิด เราสนับสนุนให้เจรจากับบริษัทวัคซีนต่างๆ ดังนั้นให้กำลังใจกับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงต่างประเทศ เราไม่ได้มีปัญหา และสนับสนุนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่กำลังทำหน้าที่อยู่
แต่การแถลงข่าวของตนปฏิเสธข้อเท็จจริงไม่ได้ว่า วัคซีนที่ชัดเจนว่าได้รับการดีลเข้ามาโดยรัฐบาลครอบคลุมเพียง 21.5% ของประชากรทั้งประเทศ และไทยเองเป็นประเทศที่ยังไม่ได้เริ่มฉีดวัคซีน ขณะที่กลยุทธ์ของหลายประเทศคือการขอซื้อจากหลากหลายบริษัท ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับอนาคตเศรษฐกิจของประเทศ หากประเทศไหนฉีดวัคซีนจนสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนทั้งประเทศได้ก่อนก็จะมีโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ก่อน นี่คือเหตุผลที่เราออกมาพูดเรื่องนี้
ธนาธรยืนยันว่า ข้อเท็จจริงคือไทยมีดีลใหญ่เพียงอันเดียวคือการซื้อจาก AstraZeneca ซึ่งจ้างบริษัท Siam Bioscience ผลิตวัคซีน และจากเอกสารที่ตนมีทั้งหมด ระบุชัดเจนว่าดีลนี้ไม่มีบริษัทเอกชนรายอื่นมาเป็นคู่เปรียบเทียบ และมีบริษัทนี้รายเดียวมาตั้งแต่ต้น ส่วนหลักการไม่แสวงหากำไร หรือ No Profit No Loss มีระบุอยู่เพียงฝ่ายของ AstraZeneca เท่านั้น ไม่เคยเห็นอยู่ในฝ่ายของ Siam Bioscience และไม่เคยเห็นคนจากบริษัทนี้ออกมายืนยันถึงหลักการนี้
ธนาธรยังเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐเปิดเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้สังคมได้ตรวจสอบ หากสมมติฐานของตนผิดก็พร้อมจะออกมาขอโทษ
ธนาธรยังกล่าวด้วยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลบเกลื่อนความไม่มีประสิทธิภาพของตนเองด้วยการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด และคนที่ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับวัคซีนคือ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ใช่ตน พร้อมชวนสังคมตั้งคำถามว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นการแสดงความไม่จงรักภักดีหรือไม่ และต่อไปใครวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็จะถูกดำเนินคดีเพื่อปิดปากแบบนี้ต่อไปหรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้คำว่าวัคซีนพระราชทาน ทำให้ถูกดำเนินคดีหรือไม่
ธนาธรตอบว่า คำว่าวัคซีนพระราชทาน เป็นคำที่มีคนใช้ในประเด็นนี้อยู่ก่อนแล้ว ตนไม่ใช่คนที่ใช้คนแรก
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล