‘ธนชาตประกันภัย’ อัดฉีดเงินช่วยเหลือพิเศษให้พนักงาน 6,000 บาท เป็นกำลังใจฝ่าวิกฤตค่าครองชีพ

ธนชาตประกันภัย ช่วยพนักงานฝ่าวิกฤติค่าครองชีพ สั่งจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษเดือนละ 2,000 บาท เบื้องต้น 3 เดือน รวมเป็น 6,000 บาท หวังเติมไฟเติมพลังในการทำงาน

พีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนชาตประกันภัย กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจทำให้พนักงานเจอกับภาวะค่าครองชีพที่กระทบกับชีวิตอย่างหนัก ทั้งค่ากินค่าอยู่ ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าไฟและอื่นๆ บริษัทจึงหาแนวทางช่วยเหลือพนักงานเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน ภายใต้โจทย์ที่มีความท้าทายและต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เพราะพนักงานทุกคนมีส่วนสำคัญในการร่วมต่อสู้และฟันฝ่าวิกฤตไปพร้อมกับบริษัท โดยได้จ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษให้พนักงานเดือนละ 2,000 บาท เบื้องต้นจ่ายเป็นระยะเวลา 3 เดือน รวม 6,000 บาท

“ในสถานการณ์ที่ผ่านมาทั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด ต่อเนื่องมาถึงเรื่องค่าครองชีพ การสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างผู้บริหารและพนักงานทุกๆ ฝ่ายในองค์กร ถือเป็นกลไกสำคัญในการเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ธนชาตประกันภัยให้ความสำคัญกับ 3 เรื่อง คือ 1. ความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของพนักงาน 2. ความต่อเนื่องทางธุรกิจ 3. การอำนวยความสะดวกและตอบสนองทุกทางเลือกของลูกค้า” พีระพัฒน์กล่าว

พีระพัฒน์กล่าวว่า ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้คำนึงถึงความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของพนักงานจึงให้พนักงานกว่า 90% Work from Home ส่วนพนักงานฝ่ายปฏิบัติการก็ได้วางมาตรการดูแลเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มงวด เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายเราปรับวิธีการทำงานและเข้าทำงานอย่างเป็นระบบ โดยยังคงยึดมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ

“ส่วนคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน เรามีมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของพนักงานจากผลของค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษเดือนละ 2,000 บาท เบื้องต้นจ่ายเป็นระยะเวลา 3 เดือน รวม 6,000 บาท (กรกฎาคม-กันยายน 2565) ให้พนักงานกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพช่วงสถานการณ์ขณะนี้ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ เราพร้อมดูแลและเข้าใจทุกปัญหา เมื่อลำบากเราดูแล เมื่อสำเร็จก็สำเร็จร่วมกัน ขอให้ฝ่าฟันและเติบโตไปด้วยกัน” พีระพัฒน์กล่าว

สำหรับความต่อเนื่องทางธุรกิจ ตลอดปีที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนของบริษัทต้องเจอกับความท้าทายใหม่ๆ ทั้งหมดล้วนเป็นสถานการณ์ที่ต้องมีการปรับตัวและพลิกกลยุทธ์ตั้งรับให้ทัน โดยบริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการตอบสนองความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ยึดครองตลาดประกันภัยไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ปี 2564 มีสัดส่วนการขายสูงถึง 84%

นอกจากนี้ บริษัทยังได้อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด ‘ง่าย สะดวก รวดเร็ว’ ในทุกจุด Touch Point ของทุกไลฟ์สไตล์ มีการนำแพลตฟอร์ม LINE มาใช้เป็นตัวกลางเชื่อมต่อ สามารถนำผลิตภัณฑ์ประกันภัยโลดแล่นอยู่บนช่องทางออนไลน์ และรุกคืบไปใน Digital Insurance ได้อย่างเต็มรูปแบบ เป็นเจ้าแรกของอุตสาหกรรมประกันภัยไทยที่ให้บริการแบบ Full Service ด้านการเคลมประกันภัย เป็นการพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับกับทุกความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH