วันนี้ (25 พฤษภาคม) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดพะเยา เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงกรณีเมื่อวานนี้ (24 พฤษภาคม) กรรมการบริหารพรรคยื่นลาออกจำนวนเกินครึ่ง ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคพ้นสภาพทั้งชุด เช่นเดียวกับ พล.อ. วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคในเวลาต่อมา โดยมีกระแสข่าวว่าเกิดจากความเห็นที่ไม่ลงรอยระหว่างหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
ร.อ. ธรรมนัสยืนยันว่า จุดยืนของตนและพรรคเศรษฐกิจไทยยังคงเหมือนเดิม คืออยู่ข้างพี่น้องประชาชนในทุกๆ เรื่อง เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะดูญัตติของฝ่ายค้านในการอภิปรายเป็นประเด็นไป ถ้าสาระสำคัญทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน แต่ถ้าสิ่งไหนป็นการทุจริตคอร์รัปชัน พวกเราในสภาจะไม่เห็นด้วยเป็นอันขาด
สำหรับประเด็นความขัดแย้งกับ พล.อ. วิชญ์นั้น ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า ตนพาพี่น้องทั้ง 18 ชีวิต ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ โดยรับปากว่าจะดูแลทุกเรื่อง โดยเฉพาะการกลับมาเป็น ส.ส. ทุกคนจึงฝากความหวังและอนาคตทางการเมืองไว้กับตน กรรมการบริหารพรรคชุดที่ผ่านมาคือชุดเฉพาะกิจ ตนก็ได้หารือกับกรรมการว่าจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญต่างๆ ของพรรค เพื่อให้พรรคมีจุดขายชัดเจน ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิด
ในช่วง 2-3 วันก่อนที่เกิดเรื่องนั้น ร.อ. ธรรมนัสเผยว่า ตนไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย แต่ยืนยันว่าเมื่อกลับมาจะหารือกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อหาทางออก แต่เมื่อเหตุการณ์เริ่มบานปลายจนควบคุมไม่ได้ ขณะอยู่บนเครื่องบินหลายท่านติดต่อตนไม่ได้ ส.ส. หลายท่านไม่สบายใจ จึงตัดสินใจลาออก ส่วนตัวเองไม่ได้ลาออก แต่ก็เคารพการตัดสินใจของทั้ง 15 ท่าน และจะมีการประชุมเพื่อหากรรมการชุดใหม่ในเร็วๆ นี้
ส่วนประเด็นที่มีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นเรื่องนี้ได้คุยกันในพรรคแล้ว ตนยังคงนับถือ พล.อ. วิชญ์เหมือนเดิม แม้ว่าท่านจะไม่เห็นด้วยกับจุดยืนของพรรคที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ตลอดจนอีกหลายเรื่องที่ทำให้ ส.ส. ในพรรคไม่สบายใจ ตนก็ต้องรักษาคนกลุ่มนั้นไว้ก่อน ซึ่งจุดยืนนั้นก็คือจะอยู่ข้างประชาชน ยึดประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ไม่เปลี่ยนแปลง
“ขณะนี้ พล.อ. วิชญ์ ท่านถือเป็นคนนอก ไม่ใช่สมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย ผมไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ท่าน และเคารพในการตัดสินใจของท่าน” ร.อ. ธรรมนัสกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ร.อ. ธรรมนัสพร้อมที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคในที่ประชุมวิสามัญจะเป็นผู้เลือกในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ สำหรับตนไม่มีปัญหาอะไร พร้อมทำทุกหน้าที่
ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าได้จับมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในศึกซักฟอกนั้น ร.อ. ธรรมนัสตอบว่า เวลานี้บ้านเมืองกำลังบอบช้ำมากพอแล้ว การทำสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล เอาแต่อารมณ์ ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าสิ่งไหนฝ่ายค้านเห็นว่าไม่ถูกต้องและมีข้อมูลข้อเท็จจริงเราก็จะนั่งคุยกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะค้านรัฐบาลทุกเรื่อง ไม่ใช่สไตล์ของเศรษฐกิจไทย
ส่วนการหารือกับกลุ่ม ส.ส. พรรคเล็กนั้น ตนกับ พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้โทรคุยกันเกือบทุกวัน และยังได้นัดหมายจะหารือเรื่องบ้านเมืองกันในวันสองวันนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะดึง ส.ส. กลับพรรคหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัสกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีโครงสร้างชัดเจน เราจะไม่แทรกแซงอะไร
“ถามว่าเรากลับไป จะไปทำอะไร จะไปทะเลาะกันเหมือนเดิม ไม่ใช่ ผมออกมาแล้ว ผมมีโลกใบใหม่ของผมแล้ว ถ้ากลับไปยังเป็นสังคมเดิมๆ ผมไม่กลับเด็ดขาด ไม่มีเรื่องนี้ เมื่อวานนี้พรรคพลังประชารัฐประชุมอะไร ผมก็รู้รายละเอียดหมด ไม่มีเรื่องผม” ร.อ. ธรรมนัสกล่าว
ร.อ. ธรรมนัสยังเผยด้วยว่า สำหรับ พล.อ. ประวิตร แม้จะอยู่กันคนละพรรค ตนยังคงเคารพนับถือท่านตลอดเวลา ได้โทรไปปรึกษาหลายเรื่อง แต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย ร.อ. ธรรมนัส ยืนยันว่าต้องการจะสร้างพรรคเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งเท่านั้น ไม่ได้คิดเรื่องอื่น โครงสร้างพรรคเศรษฐกิจไทย หัวหน้าพรรคลาออกไปเพียงคนเดียว กรรมการบริหารพรรคคนอื่นยังอยู่ที่เดิม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนยังอยู่ที่เดิม ดังนั้นไม่กระทบอะไรทั้งนั้น ตนเห็นสื่อหลายสำนักบอกว่าพรรคแตก เรายังไม่แตก เรามากันเป็นโครงสร้างแบบแน่นมั่นคง ได้เชิญหัวหน้าพรรคมานั่งอยู่ด้านบน วันหนึ่งท่านไม่สบายใจ เราก็เคารพการตัดสินใจ
“มีหลายเรื่องที่ท่านอาจจะไม่คุ้นเคยกับการเมือง เพราะชีวิตท่านอยู่แต่ในกรมในกอง แต่สังคมการเมืองมันไม่ใช่ เราไม่สามารถใช้ระบบทหารมาปกครองนักการเมืองได้ นี่ถือว่าเป็นสาระสำคัญมาก จนอาจจะทำให้ท่านไม่สบายใจ” ร.อ. ธรรมนัสกล่าว
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า พล.อ. วิชญ์ได้เคยตัดพ้อว่ารู้สึกเหมือนถูกใช้เป็นหุ่นเชิด ซึ่ง ร.อ. ธรรมนัส ปฎิเสธว่าไม่เคยใช้ใคร เพียงแต่ทุกคนในพรรคมีบทบาทที่แตกต่างกัน ยืนยันว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องวุ่นเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ถือว่าวุ่นวาย เพียงแค่หัวหน้าพรรคออกไปเพียงคนเดียว
พร้อมกันนั้น ร.อ. ธรรมนัส ยังยืนยันว่า ยังไม่ได้หารือกับพรรคเพื่อไทยเรื่องการคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ส่วนล่าสุดที่ไม่ได้ไปรับประทานมื้อค่ำกับ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะตอนนั้นตนอยู่ต่างประเทศ