×

ทักษิณเผยปัญหา 5 เรื่องฉุดหุ้นไทย หวังรัฐบาลเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. จัดการปัญหาธรรมาภิบาล

14.01.2025
  • LOADING...
ทักษิณ ปัญหาหุ้นไทย

ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,200-1,700 จุด เป็นส่วนใหญ่ และล่าสุดก็ยังคงปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ราว 1,350 จุดอีกครั้ง และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดัชนี SET ก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน 

 

ในมุมมองของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน Dinner Talk Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market ซึ่งจัดโดยข่าวหุ้นธุรกิจ ว่าปัญหาหลักของตลาดหุ้นไทยตอนนี้มีอยู่ 3 คำคือ ความน่าเชื่อถือ (Trust) ความเชื่อมั่น (Confidence) และอารมณ์ของตลาด (Sentiment) ซึ่งทั้ง 3 ส่วนไม่ค่อยดีนักในเวลานี้ 

 

การจะพลิกฟื้นตลาดหุ้นไทยได้ต้องเริ่มจากเรื่องของความโปร่งใส (Transparency) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ โดยต้องจัดการให้เกิดความโปร่งใสทั้งเรื่องกติกาและความโปร่งใสของบริษัทจดทะเบียนในตลาด ซึ่งความโปร่งใสจะนำไปสู่ความเป็นธรรม

 

ทั้งนี้ ปัญหาหลักของตลาดหุ้นไทยแบ่งได้เป็น 5 เรื่อง ได้แก่ 

  1. ธรรมาภิบาล (Corporate Governance) หรือความโปร่งใสของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาที่ผ่านมาหน่วยงานกำกับแก้ไขได้ช้า 

 

“อยากฝากให้ตลาดหลักทรัพย์และ ก.ล.ต. ติดตามพฤติกรรมของฝ่ายบริหารและมีระบบตรวจสอบความถูกต้องของการทำบัญชี เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหากระทบกับตลาด” 

 

  1. High Frequency Trading ทุกวันนี้โรบอตเข้าสู่ตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งดีต่อตลาดหลักทรัพย์ เพราะช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อขาย แต่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนนัก นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ควรดูแลเรื่องความได้เปรียบและเสียเปรียบของผู้ลงทุนในตลาด 

 

  1. การแก้ปัญหาและตอบสนองต่อปัญหาล่าช้าหลังจากเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ในส่วนนี้กระทรวงการคลังควรให้อำนาจแก่ ก.ล.ต. มากขึ้น เพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างทันท่วงที 

 

  1. บริษัทส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์อยู่ในเศรษฐกิจเก่า ในส่วนนี้รัฐบาลควรหารือกับ BOI เพื่อชวนให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น และพยายามจูงใจให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เช่น ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่อาจลงทุนในไทยสูงถึง 5 แสนล้านบาท

 

  1. หุ้นไทยหลายตัวมีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) และมี P/E ต่ำ ในส่วนนี้อยากสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ดำเนินการซื้อหุ้นคืนมากขึ้น 

 

“วันนี้ปัญหา Professional Ethics เกิดขึ้นเยอะในไทย ต้องเข้าใจก่อนว่า คนที่ตั้งใจทำไม่ดีมีน้อยกว่าคนที่ตั้งใจทำดี อย่าออกกติกาทำโทษคนทำดีแบบเหมายกเข่ง เราเสียหาย 3% เพื่อให้ 97% แข็งแรง คุ้มกว่า” ทักษิณกล่าว 

 

นอกจากนี้ทักษิณอยากจะเห็น ก.ล.ต. และภาครัฐสนับสนุนเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ หันมาสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เช่น การเปิดให้ชำระเงินได้ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ขณะเดียวก็อยากเห็นกองทุน LTF กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับกระตุ้นให้คนหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเงินทุนไปอยู่ในตลาดบอนด์ค่อนข้างมาก อย่างกองทุน ThaiESG เมื่อปีก่อน เม็ดเงินไหลเข้าในกองทุนบอนด์ประมาณ 80%

 

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือการซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยอยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะช่วยให้สามารถขายได้ในราคาที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันไทยซื้อคาร์บอนเครดิตที่ 7 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่สิงคโปร์อยู่ที่ 14 ดอลลาร์ต่อตัน และยุโรปอยู่ที่ 35 ดอลลาร์ต่อตัน

 

ในมุมของเศรษฐกิจ ทักษิณกล่าวว่า “ปี 2025 จะพยายามช่วยให้เศรษฐกิจไทยโตได้เกิน 3% ปี 2026 มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะโตได้ 4% และปี 2027 จะโตได้ 5% 

 

“ผมเชื่อว่าครึ่งปีหลังงานของรัฐบาลจะเริ่มเห็นผล สิ้นปีนี้เราจะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ และปีหน้าจะเป็นปีที่เราจะได้เห็นการพัฒนาที่ฟื้นประเทศขึ้นมา” ทักษิณกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ทักษิณมองว่าการบริหารประเทศตอนนี้ยากกว่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540 เพราะว่าตอนนี้ฐานรากพังหมด เทียบกับช่วงวิกฤตวันต้มยำกุ้งที่ยอดพังแต่ฐานรากยังอยู่ ส่วน SMEs พังต่อเนื่องมาตั้งแต่โควิด กำลังซื้อคนลดลง และการเข้ามาแข่งขันของจีนแบบไม่เป็นธรรม การจะฟื้นเศรษฐกิจต้องใช้วิธีการใหม่ๆ อะไรที่แข่งขันไม่ได้แล้วต้องทำใจ”​ 

 

ภายในงานครั้งนี้มีผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายรายที่มาร่วมงาน เช่น สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF), ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL), สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) รวมทั้ง เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X