วันนี้ (15 มีนาคม) ที่อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ออน อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนครั้งแรกก่อนไหว้บรรพบุรุษตระกูลชินวัตรว่า ตนมีความรู้สึกที่ดีกับพ่อแม่ ตนไม่เคยมาเลยเพราะอยู่ต่างประเทศ จากนี้ต่อไปก็จะมาทุกปีแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ลูกหลานมากันครบ ทำให้มีความสุขหรือไม่ ทักษิณกล่าวว่า ผลสุดท้ายความสุขอยู่ที่ครอบครัว คนทุกคนถ้าเข้าใจโลกก็จะ Happiness is at home (ความสุขอยู่ที่บ้าน) ที่อื่นอาจจะเป็นสิ่งสมมติ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ Happiness is at home
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนที่มาเจอบอกว่าหน้าตาสดชื่นแจ่มใส ทักษิณกล่าวว่า “ผมมีกำลังใจดี แต่ไม่ใช่ใจบันดาลแรง” ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะแซวว่า เป็นคำพูดของคนอื่น ซึ่งทักษิณยิ้มพร้อมหัวเราะ และพูดสั้นๆ ว่า “แหม”
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนไหว้วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารมีอาการเจ็บหลัง ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทักษิณกล่าวว่า กล้ามเนื้อมันสะดุ้ง ซึ่งเป็นมาก่อนแล้ว หากขยับผิดจังหวะก็จะมีอาการ เมื่อคืนก็มีอาการนิดหน่อยแต่ไม่ได้ไปไหน เมื่อเช้าขยับเยอะ กล้ามเนื้อก็เลยสะดุ้ง แต่ตนใส่ที่คาดเอวไม่ได้ใส่เข็มขัด เพราะไม่ได้ชกมวย ซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว ส่วนที่ใส่เฝือกอ่อนที่คอก็เป็นไปตามอายุ มันเสื่อมก็ต้องคอยดูไว้ เพราะไม่อย่างนั้นจะกดเส้นประสาท ซึ่งสามารถถอดๆ ใส่ๆ ได้แล้วแต่อาการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มาจังหวัดเชียงใหม่ได้กินอาหารที่ชอบแล้วหรือไม่ ทักษิณกล่าวว่า ตนกินทุกอย่าง ตอนอยู่ต่างประเทศก็ได้กิน แต่รสชาติไม่เหมือนที่นี่ เพราะต้องแช่แข็งไป อย่างก๋วยเตี๋ยวเนื้อก็ต้องไปกินที่ไม่มีแอร์ กินไปด้วยเหงื่อออกไปด้วย ทำให้อร่อย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการไปเดินตลาดวโรรสมีคนต้อนรับเยอะ ทักษิณกล่าวว่า ก็ดีใจที่เขายังไม่ลืมคนเฒ่าคนหนึ่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนทักว่าหน้าไม่แก่เลย ทักษิณกล่าวว่า “ก็เพราะผมมาอยู่กับครอบครัว จิตใจก็อิ่ม ไม่เหมือนตอนที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจที่จิตใจมันห่อเหี่ยวนิดหน่อย วัยผมเป็นวัยรักลูกหลงหลาน”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คิดถึงอะไรที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ ทักษิณกล่าวว่า ภาพรวมทั้งหมดที่เราเคยเติบโตมา ซึ่งก็ได้เล่าให้ลูกๆ ฟังตามประสาคนแก่ว่า ตอนตนเด็กๆ อายุ 12-13 ปีไม่รู้จะเล่นอะไร เพราะไม่มีของเล่น ก็ขี่จักรยานไปถ้ำเมืองออน สมัยก่อนเรียกว่าถ้ำขี้นก ถนนก็ยังไม่มี บางช่วงก็ต้องแบกจักรยานข้ามทุ่งนา ซื้อข้าวมาจากสันกำแพงมากินที่ถ้ำ เวลาจะลงก็ต้องใช้บันไดไม้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่วันนี้ จะได้พูดคุยกันหรือไม่ ทักษิณกล่าวว่า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนเชิญไปรับประทานอาหาร
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า วันนี้จะเจอกัน 3 นายกรัฐมนตรีเลยใช่ไหม ทักษิณกล่าวว่า “ผมเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี คนเป็นอดีตก็มีหน้าที่ให้กำลังใจคนปัจจุบัน เขาถามอะไร ถ้าเรามีความรู้เราก็ตอบ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความแข็งแกร่งมากในสนามการเมือง ในฐานะที่เป็นคนสนับสนุนมาตลอดรู้สึกอย่างไรบ้าง ทักษิณกล่าวว่า “ผมเป็นคนตามใจ ไม่บังคับลูก ตามใจตลอด เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่เลิกตามใจ ฉะนั้นก็แล้วแต่ใจลูก”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่เปลี่ยนไปมากหรือไม่ ทักษิณกล่าวว่า ก็มีการกระจายตัวของเมืองมากขึ้น แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือความแห้งแล้ง เพราะมีหญ้าเหลืองเต็มไปหมด อยากให้ย้อนกลับไปที่คนเดิมๆ เขาทำกัน เช่น ฝ้ายแม้ว ซึ่งเป็นการกักน้ำแบบขั้นบันไดเพื่อให้พื้นที่ชุ่มชื้น จะทำให้ภูเขาชุ่มชื้น ทำให้เขียวและมีน้ำ มันเป็นวัฏจักร อย่างที่ดูไบเขาเป็นทะเลทราย ซึ่งเขาแข่งความร่ำรวยด้วยการว่า บ้านไหนมีต้นไม้เยอะ พอมันเขียวจะทำให้มีฝน เดี๋ยวนี้ดูไบมีฝนตกน้ำท่วม เขาไม่มีท่อระบายน้ำ เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะมีฝนตกอย่างนี้ แต่บ้านเรามีท่อระบายน้ำเยอะ แต่ไม่มีน้ำให้ระบาย ฉะนั้นเราต้องเพิ่มต้นไม้ เวลาเราเห็นความแห้งแล้งใจเราก็เหี่ยวตาม คนที่อยู่ในสภาพแห้งแล้งก็จะเหี่ยวตาม วันนี้ใจสำคัญที่สุด อาจเป็นเพราะตนแก่แล้ว ก็เลยพูดถึงใจบ่อย
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ทักษิณกล่าวว่า ปัญหาวันนี้มี 2 ส่วน คือ 1. ในประเทศ เกษตรกรเขามีต้นทุนสูง กำไรเขาน้อย พอหมดฤดูกาลแทนที่จะไปไถกลบ เขาไม่มีเครื่องมือ ก็เลยใช้วิธีเผาเพราะง่ายกว่า เขารู้ว่าการเผาไม่ดี แต่ไม่มีทางเลือก ซึ่งทางราชการก็ต้องเข้าไปดูว่าจะช่วยเขาไถกลบอย่างไร และ 2. จากต่างประเทศ เราไปปลูกข้าวโพดฝั่งเขาเยอะ นายกรัฐมนตรีก็อยากจะมีมาตรการห้ามนำเข้าทั้งหมด จนกว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น ก็จะได้ไปปรับตัวกันเอง แต่หากยังเผากันอยู่อย่างนี้ก็ไม่จบ