วันนี้ (26 พฤษภาคม) นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามกำหนดนัดสอบคำให้การในคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และดูหมิ่นด้วยการโฆษณา
จากกรณีที่นายแพทย์วรงค์ได้โพสต์ข้อความบน Facebook และ TikTok รวมถึงการปราศรัยบนเวทีชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ
คดีนี้มีเนื้อหาที่ทักษิณอ้างว่านายแพทย์วรงค์ได้กล่าวพาดพิงสื่อให้ประชาชนเข้าใจว่าหมายถึงทักษิณ และมีเจตนาให้เข้าใจว่า ทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นคดี ถุงขนม 2,000 ล้านบาทซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดรวม 5 กรรมต่างวาระ โดยทักษิณได้เรียกร้องค่าเสียหายกรรมละ 20 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 100 ล้านบาท
นายแพทย์วรงค์เปิดเผยว่า ศาลยังไม่ได้ดำเนินการสอบคำให้การในวันนี้ เนื่องจากคดีนี้เดิมทักษิณได้ยื่นฟ้องรวม 5 คดี แต่ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งประทับรับฟ้องเพียง 4 คดี ส่วนอีก 1 คดีที่ศาลไม่รับฟ้องนั้น ทนายความของทักษิณได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงได้ตกลงกันว่าจะรอผลคำสั่งจากศาลอุทธรณ์ก่อน ศาลจึงได้อนุญาตให้เลื่อนการสอบคำให้การออกไปเป็นวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568
นอกจากนี้ นายแพทย์วรงค์ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในประเด็นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้นัดไต่สวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีการพักรักษาตัวของ ทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 โดยกล่าวว่าได้มีการหารือกับผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการไต่สวน และคาดการณ์ว่าหากการไต่สวนแล้วเสร็จในช่วงเช้า อาจมีการตัดสินคดีในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างใกล้ชิด
นายแพทย์วรงค์ระบุว่า ตามหลักการแล้ว ทักษิณควรจะต้องเดินทางไปศาลด้วยตนเองในวันดังกล่าว เนื่องจากมีการนำหมายไปติดที่หน้าบ้าน และศาลได้นัดให้ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเดินทางไป หากเป็นจำเลยก็ต้องไป เบื้องต้นมีการวิเคราะห์กันว่าในวันดังกล่าวทักษิณอาจจะไม่เดินทางไปศาล
สำหรับคดีจำนำข้าวที่มีรายงานว่าทนายความของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยื่นหลักฐานใหม่เกี่ยวกับการนำเข้าข้าวในล็อตที่เหลือไปขายเพื่อนำเงินมาหักลบกลบหนี้กับจำนวนเงินที่ศาลปกครองสั่งให้ชำระนั้น นายแพทย์วรงค์แสดงความเห็นว่า เป็นตรรกะที่ไม่ถูกต้อง เปรียบเหมือนกับการมีส้ม 2 เข่ง หากลูกน้องแอบนำส้มเข่งหนึ่งไปขาย ลูกน้องก็ต้องเป็นคนชดใช้ ไม่ใช่การนำส้มเข่งที่เหลือมาขายเพื่อใช้หนี้แทนส่วนที่หายไป
นายแพทย์วรงค์อธิบายว่า คล้ายกับกรณีข้าวที่แบ่งเป็น 2 กอง ซึ่งรัฐบาลนำมาขายเพื่อใช้หนี้ต้นทุน แต่อีกกองหนึ่งนำไปขายแบบจีทูจี และศาลให้รับผิดชอบเฉพาะข้าวส่วนที่นำไปขายแบบจีทูจี เมื่อมีการโกง ศาลให้รับผิดชอบ จึงต้องจบตรงนั้น ไม่สามารถนำข้าวที่เหลือมาขายเพื่อใช้หนี้แทนยิ่งลักษณ์ได้ แต่ควรนำมาใช้หนี้ภาษีประชาชนที่สูงหลายแสนล้านบาท
“ผมมองว่าไม่สามารถทำได้ เป็นการหลอกลวงประชาชนที่ไม่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร เพื่อทำให้เกิดความสับสน เอาตัวเลขจำนวนมากมาทำให้สับสน” นายแพทย์วรงค์กล่าว
พร้อมทั้งระบุว่า การเสนอข้อมูลใหม่ควรเป็นของฝ่ายตัวเองที่ยังคงมีสัญญาจีทูจีอีก 4 สัญญา รวมข้าว 14 ล้านตัน ซึ่งเรื่องยังคงเงียบอยู่ ส่วนเรื่องที่คลังได้อายัดทรัพย์สินของยิ่งลักษณ์ไว้เท่าไหร่นั้น ตนไม่ทราบข้อมูล แม้กระทั่งทนายความของยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าทรัพย์สินที่อายัดไว้ยังไม่ถึงจำนวนที่ศาลมีคำสั่ง
โดยเบื้องต้นทราบว่ามีมูลค่าประมาณหลักร้อยล้านบาท ซึ่งจะต้องกันส่วนหนึ่งไว้ให้สามีนอกสมรสของยิ่งลักษณ์ ดังนั้น นายแพทย์วรงค์จึงมองว่ายิ่งลักษณ์จะต้องหาทรัพย์สินมาเติมให้ครบ และกรมบังคับคดีจะต้องทำหน้าที่บังคับคดีตามกฎหมายต่อไป
