วันนี้ (5 มกราคม) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเสียแชมป์นายกรัฐมนตรีที่รวยที่สุดให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้เป็นลูกสาว พร้อมระบุว่า ไม่เป็นไร อย่างมากก็ให้ลูกเลี้ยง มีคนบอกว่าเป็นรัฐบาลพ่อเลี้ยง แต่เราดีหน่อย เพราะว่าลูกเลี้ยงเรา
ทักษิณกล่าวถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในปีนี้ที่รัฐบาลต้องทำงานอย่างหนัก เรื่องที่สำคัญคือต้องมองโครงสร้างของปัญหาเศรษฐกิจและเร่งแก้ไขก่อน เช่น เม็ดเงินที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ทำให้หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไม่ได้ ขณะเดียวกัน ต้องพัฒนาคนในระบบเศรษฐกิจว่าจะส่งเสริมความรู้ความสามารถที่มีอยู่อย่างไร อย่างเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คนไทยมีศักยภาพอยู่ แต่ต้องฝึกฝนให้ดี รวมถึงอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวก็ต้องฝึกคนให้รองรับ เมื่อเม็ดเงินมีคนรองรับ ระบบไปได้ ก็ต้องทำพร้อมๆ กัน พร้อมยอมรับว่าอาจต้องมีเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐและเมกะโปรเจกต์บ้าง
“การจะฟื้นเศรษฐกิจ ถ้าต่างจังหวัดไม่ฟื้น กรุงเทพฯ ฟื้นยาก ต้องฟื้นไปด้วยกัน” ทักษิณกล่าว
ทักษิณกล่าวด้วยว่า ในปีนี้จะเห็นนายกรัฐมนตรีเรียกประชุมหลายฝ่าย เพื่อให้ตกผลึกในวิธีการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และต้องยอมรับว่ากลไกของรัฐปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิม อุ้ยอ้ายขึ้น อำนาจก็ไปอยู่กับราชการ จึงต้องอาศัยความร่วมมือ
ทักษิณยังกล่าวถึงแนวทางการลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยว่าไปดูมาแล้ว เห็นว่าสามารถรีดไขมันจากค่าไฟได้อยู่จำนวนหนึ่ง จึงน่าจะเป็นไปได้และอาจลดลงได้อีก ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ดูแล้ว และจะเรียกประชุมให้ทุกคนเต็มใจยอมรับการรีดไขมันครั้งนี้ รวมถึงภาคเอกชนด้วย
“ต้องช่วยกัน วันนี้ถ้าชาวบ้านจน เอกชนไม่มีรวย ถ้าอยากรวย ต้องให้ชาวบ้านหายจน ส่วนตัวเลข 3.70 ดูเหมือนหนักหนา แต่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้” ทักษิณกล่าว
ทักษิณเปิดเผยด้วยว่า ได้พูดคุยกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวมถึงคุยกับกิจการไฟฟ้าให้ช่วยกัน พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวว่าพีระพันธุ์อาจถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะคุยกันรู้เรื่อง พีระพันธุ์เป็นคนตั้งใจ ส่วนตัวรู้จักกันมานาน มีความคุ้นเคยกัน
“วันนั้นคุยกับแพทองธาร เขาบอกว่า พ่อ อิ๊งค์ยังสบายๆ ถ้าทำงานกับ ครม. ชุดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไปกันได้ดี” ทักษิณกล่าว