วันนี้ (27 ตุลาคม) พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค พร้อมด้วย ดร.โภคิน พลกุล และตัวแทนผู้ประกอบการโรงแรม และการท่องเที่ยว จัดแถลงข่าวกรณีการแก้ปัญหาผู้ประกอบการโรงแรม จำนวนมากโดยเฉพาะขนาดเล็กถูกสั่งปิด จากการสิ้นสุดการผ่อนผันผู้ประกอบการโรงแรมตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 6/2562 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบผู้ประกอบการทั่วประเทศ พบว่ามีกฎหมายเกี่ยวกับโรงแรมยังมีลักษณะเป็น แบบเดียวแม้แต่แยกย่อยไปบ้าง ซึ่งในหลายประเทศจะมีการแยกประเภทของโรงแรม ให้เหมาะสมกับสภาพที่เป็นจริง ทั้งพื้นที่ลักษณะของอาคารและสภาพแวดล้อมอื่นๆ จึงส่งผลให้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการรายเล็ก
“เราจะเปิดประเทศได้อย่างไร เมื่อโรงแรมขนาดเล็ก เปิดได้เพียง 10% ที่ผ่านมาหลายพื้นที่ มีการทับซ้อน เช่น โรงแรมขนาดเล็กจำนวนมาก เปิดก่อนจะมีการประกาศเป็นเขตอุทยาน แต่ขณะนี้กลับกลายเป็นผู้บุกรุก
การเปิดโรงแรมขนาดเล็กจะทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือก บางแห่งอยู่ในเมือง อยู่ในชุมชน ทำให้นักท่องเที่ยวไดัเห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทย นี่คือองค์ประกอบสำคัญในการท่องเที่ยว” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ด้าน ดร.โภคิน กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รัฐราชการปรับตัวไม่ทัน อีกทั้งเครื่องยนต์เศรษฐกิจทั้ง 4 ตัวดับสนิท โดยเฉพาะรายได้ภาคการท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านล้านบาท
โดยยกตัวอย่างรายได้จังหวัดภูเก็ต ที่ โรงแรมขนาดใหญ่มีรายได้ 54% แต่มีผู้ได้รับประโยชน์เพียง 10,000 ราย แต่รายได้ 46% จากผู้ประกอบการรายเล็กกลับ เกี่ยวข้องกับคนถึง 400,000 คน
ที่ผ่านมากฎหมายเกี่ยวกับกิจการโรงแรม มีความเกี่ยวข้องกันหลายฉบับ อาทิ กฎหมายผังเมือง กฎหมายสิ่งแวดล้อม และกฎหมายควบคุมอาคาร จนกระทั่งมีคำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 ยกเว้นความผิดและโทษให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้เข้าสู่ระบบได้ถูกต้อง จนถึงวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีโรงแรมทั้งสิ้นราว 70,000 ทั่วประเทศ แต่ได้รับใบอนุญาตเพียงประมาณ 17,000 แห่งเท่านั้น จึงส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถเปิดกิจการได้
ดังนั้นทางออกเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดกิจการได้คือต้องแขวนความผิดและโทษเหมือนกับคำสั่ง คสช. ที่ 6/2562 และต้องตั้งคณะทำงาน 3 ฝ่าย คือ ผู้ออกกฎหมาย ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ เพื่อสร้างกฎเกณฑ์ ที่เหมาะสมภายใน 2 ปี ให้ธุรกิจโรงแรมเกือบทั้งหมดสามารถได้รับอนุญาตตามสภาพที่เหมาะสม ทั้งในแง่ขนาดสภาพพื้นที่และอื่นๆ ได้เป็นลักษณะการทำ Sandbox ในทางกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาความล้าหลังของกฎหมายที่เป็นอยู่ และดุลยพินิจแบบอนุรักษ์นิยมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่สันนิษฐานว่าประชาชนผู้ประกอบการจะทำผิดกฎหมาย จึงสร้าง ทั้งเนื้อหา ขั้นตอน กระบวนการที่ยุ่งยากเต็มไปหมด ทำให้คนตัวเล็กทำมาหากินด้วยความยากลำบาก
รัฐบาลจึงต้องเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด (Mindset) ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเสียใหม่ว่า “เป็นหุ้นส่วนกับประชาชน” และสันนิษฐานว่าเขาต้องทำมาหากินโดยสุจริตและยังยืน ถ้าปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์และ Mindset ได้ ประชาชนไทยจะปลดปล่อยพลังในการทำมาหากินและสร้างสรรค์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ขณะนี้พรรคไทยสร้างไทยเตรียมยื่นเสนอร่างพระราชกำหนดการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการประกอบธุรกิจโรงแรมแก่นายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาทางออกดังกล่าว โดยจะมีผู้ประกอบการจากทั่วประเทศร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วย คาดว่าจะเสนอร่างดังกล่าวในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้