วานนี้ (17 พฤษภาคม) ที่เมืองอองโตนี ประเทศฝรั่งเศส คณะก้าวหน้าร่วมกับกลุ่มคนไทยในฝรั่งเศสจัดงานปิกนิกในสวน ก่อนการแถลงข่าวเปิดตัวบ้านของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ในวันนี้ (18 พฤษภาคม)
ในงานดังกล่าวมีไฮไลต์สำคัญคือการพูดคุยกับ สุดา และ ดุษฎี พนมยงค์ เกี่ยวกับชีวิตและความทรงจำในบ้านอองโตนี โดย พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นผู้นำการสนทนา ตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งแรกที่เห็นเกี่ยวกับบ้านหลังนี้คือ แม้ภายนอกจะดูใหญ่ และในรูปภาพก็ดูเป็นบ้านที่กว้างขวาง แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านจริงๆ บ้านหลังนี้เล็กมาก และทำให้อดคิดย้อนกลับไปไม่ได้ว่า นี่คือที่พำนักสุดท้ายของรัฐบุรุษผู้ก่อเกิดประชาธิปไตยจริงๆ หรือ และในวันนี้ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงบทกลอนที่ว่า “แต่คนดีเมืองไทยไม่ต้องการ”
สุดา และ ดุษฎี พนมยงค์ เล่าว่า หลักคิดของครอบครัวตั้งแต่สมัยคุณตามาจนถึงคุณพ่อ ก็คือให้อยู่อย่างจนถึงจะรวย และคิดถึงคนที่เขาลำบากกว่าเสมอ และการใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ก็ทำแบบนั้น ทุกคนอยู่อย่างสุขสบายแต่ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ ปรีดีเองก็ใช้รถสาธารณะเป็นประจำ และทุกคนในบ้านต้องทำงาน ทั้งงานบ้านและงานเสริมเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เช่น ครูสุดา แม้จะทำงานสอนเปียโน แต่ก็ยังมีอาชีพเสริมคือการทำอาหารส่งตามบ้านด้วย
ดุษฎีเล่าถึงข้อครหาที่คนจำนวนมากกล่าวหาว่าปรีดีเอาเงินแผ่นดินมาซื้อบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้ปรีดีจะไม่มีเงินทองมากมาย แต่ท่านผู้หญิงพูนศุข ภริยา เป็นบุตรของพระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา อธิบดีราชทัณฑ์คนแรกของไทย และเป็นข้าราชบริพารใกล้ชิดของรัชกาลที่ 6 จึงมีทรัพย์สินมรดกอยู่บ้าง เมื่อจะซื้อบ้านหลังนี้ท่านผู้หญิงขายที่ดินที่ได้รับมรดกมา เพื่อรวบรวมเงินมาซื้อบ้านที่อองโตนี ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ราคาแพงเพราะอยู่ชานเมือง เพราะฉะนั้นบ้านนี้จึงไม่ใช่การเบียดบังเงินแผ่นดินหรือภาษีประชาชนอย่างแน่นอน
ด้าน จรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส กล่าวว่า บ้านหลังนี้มีความสำคัญสำหรับตนมาก ไม่ใช่เพียงเพราะนี่เป็นบ้านของปรีดี แต่เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมคนไทยที่อยู่ในยุโรป เป็นที่พบปะแลกเปลี่ยนความคิดความรู้ อันจะก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าในอนาคต หากธนาธรซื้อบ้านมาแต่ไม่มีใครมาใช้ มาจัดกิจกรรมเหมือนในอดีต บ้านอองโตนีแห่งนี้ก็จะไม่มีความหมาย ไม่ต่างอะไรกับบ้านธรรมดาหลังหนึ่ง
ทั้งนี้ งานปิกนิกในสวนบ้านอองโตนีดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมงานจากหลายประเทศทั่วยุโรป ไฮไลต์ของงานนอกจากการสนทนากับบุตรสาวของอาจารย์ปรีดี ยังมีการขับร้องเพลง ‘คนดีมีค่า’ ซึ่งเป็นบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นในโอกาส 100 ปีชาตกาลของปรีดี พนมยงค์ ส่วนอาหารที่ใช้จัดเลี้ยงในงานเป็น ‘ข้าวต้มกุ๊ย’ อาหารที่อาจารย์ปรีดีชอบรับประทานเป็นประจำในขณะที่พำนักในบ้านหลังนี้