×

60 ปี ‘ไทยออยล์’ ผู้สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับสังคมไทย ที่พร้อมสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนคู่คนไทยตลอดไป [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
04.08.2021
  • LOADING...
ไทยออยล์

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • ย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้ว จากการเป็นโรงกลั่นน้ำมันเอกชนแห่งแรกของประเทศ สู่วันนี้ ไทยออยล์ได้เติบโตขยายกำลังการผลิตควบคู่ไปกับการขยายสายโซ่อุปทานไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมาโดยตลอด
  • ปัจจุบันโรงกลั่นไทยออยล์เป็นโรงกลั่นที่มีกำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปที่สูงที่สุดในประเทศ มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
  • ไม่เพียงแต่ในด้านธุรกิจเท่านั้น ด้วยความที่ไทยออยล์อยู่ร่วมกับชุมชนรอบโรงกลั่นมายาวนาน จึงถือเป็นบริษัทต้นแบบของการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับชุมชน
  • เป้าหมายในอนาคตของไทยออยล์คือ การเดินทางสู่การเป็นองค์กร 100 ปี ดังนั้นไทยออยล์จึงปูรากฐานต่างๆ เพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเลียมไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง มีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย การสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการเติบโต ตลอดจนการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กรทุกกลุ่ม

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ‘โรงกลั่นไทยออยล์’ ขนาดกำลังการผลิต 35,000 บาเรลต่อวัน ได้ถูกก่อตั้งขึ้น โดยมีผู้ถือหุ้นในขณะนั้นคือ เชาว์ เชาว์ขวัญยืน ร่วมกับบริษัท Shell และ Caltex

 

การก่อตั้งครั้งนั้นถือเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันเอกชนไทยรายแรกของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบโจทย์ความมั่นคงทางพลังงานของไทย นับจากวันนั้นไทยออยล์ได้มีการขยายกำลังการกลั่นเพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการขยายสายโซ่อุปทานไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รองรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

โรงกลั่นที่มีขนาดกำลังการผลิตที่สูงที่สุดในประเทศ

ปัจจุบันโรงกลั่นไทยออยล์มีขนาดกำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปที่สูงที่สุดในประเทศ สามารถกลั่นน้ำมันดิบคิดเป็นร้อยละ 22 ของกำลังการกลั่นทั้งหมดของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในประเทศประมาณร้อยละ 31 

 

ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา ไทยออยล์ยังได้กระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งธุรกิจอะโรเมติกส์ ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้า และธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจเอทานอล รวมถึงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมรายแรกและรายเดียวของประเทศที่ผลิตสาร Linear Alkyl Benzene (LAB) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ที่จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย 

 

ทางด้านสังคม ไทยออยล์ถือเป็นบริษัทต้นแบบของการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับชุมชน เนื่องด้วยโรงกลั่นตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชน โดยไทยออยล์ได้ตั้งเป้าหมายการเจริญเติบโตไปพร้อมกันกับชุมชนผ่านหลัก 3 ประสาน ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือที่ดีระหว่างไทยออยล์ ชุมชน และส่วนราชการท้องถิ่น รวมทั้ง ‘หลัก 5 ร่วม’ ได้แก่ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ไข ร่วมรับผล และร่วมพัฒนา ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ และการร่วมกันวางแผนพัฒนาชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้ อยู่ร่วมกัน และเติบโตไปพร้อมกัน

 

โดยไทยออยล์มีการดำเนินการโครงการด้านสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

 

  • ด้านการศึกษา เช่น การให้ทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนดีเด่นในพื้นที่ การจัดค่ายอบรมความรู้ ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ เป็นต้น
  • ด้านสุขภาพและสาธารณสุข เช่น การสร้างศูนย์สุขภาพและการเรียนรู้กลุ่มไทยออยล์เพื่อชุมชน โดยจัดกิจกรรมออกกำลังกายแอโรบิก รวมทั้งจัดให้มีเครื่องเล่นเด็กและอุปกรณ์ออกกำลังกายสำหรับชุมชน, การจัดคลินิกทันตกรรม, สร้างลานกิจกรรมกลางแจ้ง สร้างอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน 5 ชั้น ให้กับโรงพยาบาลแหลมฉบัง
  • ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น การสร้างพื้นที่สีเขียว การปลูกป่าชายเลน เป็นต้น

 

 

สู่องค์กร 100 ปี 

เป้าหมายในอนาคตของไทยออยล์คือ การเดินทางสู่การเป็นองค์กร 100 ปี ดังนั้นไทยออยล์จึงปูรากฐานต่างๆ เพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ต่างๆ ที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเลียมไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาด โดยมีโครงการพลังงานสะอาด หรือ CFP เป็นหัวหอกสำคัญในการต่อยอดสู่ธุรกิจปิโตรเคมีในอนาคต 

 

ขณะเดียวกันการมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย (Diversified) ลดการพึ่งพาธุรกิจการกลั่นเป็นหลักเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่อาจมองข้าม ไทยออยล์จึงได้ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และลงทุนในธุรกิจที่เป็นไปตามแนวโน้มของโลก 

 

ไทยออยล์ได้วางเป้าหมายเชิงรุกในการสร้างการเติบโตของธุรกิจ ประกอบไปด้วย

 

  • แผนกลยุทธ์ที่จะเร่งหาโอกาสในการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากธุรกิจการกลั่นน้ำมันไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมี กลุ่มโอเลฟินส์ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่หลากหลายกว่า กลุ่มอะโรเมติกส์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นการต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าจากผลิตภัณฑ์แนฟทาและแอลพีจีจากโครงการ CFP รวมถึงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High-Value Products) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและลูกค้าอีกด้วย
  • กลยุทธ์การสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อแสวงหาโอกาสการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาค ผ่านการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าผลิตภัณฑ์
  • กลยุทธ์การกระจายการเติบโตไปยังธุรกิจที่มีรายได้ที่มั่นคง รวมถึงธุรกิจใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือธุรกิจใหม่เชิงนวัตกรรม ที่สอดคล้องกับแนวโน้มในอนาคต (New S-Curve) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้พอร์ตการลงทุนและเพิ่มเสถียรภาพของกำไร รองรับความผันผวนจากธุรกิจ โรงกลั่น และปิโตรเคมี ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยรอบด้าน 

 

ก้าวที่ยั่งยืน

ธุรกิจกับความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องเดินคู่กัน ดังนั้นเพื่อเป้าหมาย ‘สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน’ หรือ ‘Empowering Human Life through Sustainable Energy and Chemicals’ ไทยออยล์จึงดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และยึดมั่นการเติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ครอบคลุม 3 ด้าน

 

  • ด้าน E – Environment เพื่อตอบสนองต่อทิศทางของโลกในเรื่องการลดก๊าซเรือนกระจกและเป็นเศรษฐกิจสีเขียว ไทยออยล์จึงมุ่งเน้นให้กระบวนการผลิตของไทยออยล์มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ใช้พลังงานให้คุ้มค่า มีการทำ 3Rs (Reuse, Reduce, Recycle) และมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เป็นต้น
  • ด้าน S – Social นอกจากในกระบวนการผลิตแล้ว สังคมก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ไทยออยล์จึงมุ่งเน้นในการสร้างประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ผ่านโครงการเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคมที่อาศัยองค์ความรู้ด้านพลังงานและวิศวกรรมเข้าไปสนับสนุน เช่น โครงการโซลาร์เซลล์เพื่อโรงพยาบาล เป็นต้น
  • ด้าน G – Governance เน้นเรื่องระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้เสีย มุ่งสร้างความโปร่งใส โดยขับเคลื่อนผ่านพนักงาน กระบวนการ และเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดความสมดุลในการกำกับดูแลองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพและความคล่องตัว ยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ

 

ขณะเดียวกันเพื่อผลักดันให้กลยุทธ์สัมฤทธิ์ผล ไทยออยล์ยังได้ยกระดับการดำเนินธุรกิจและสร้างการเติบโตผ่านการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยแนวทาง 4P (Effective Execution: 4P) ดังนี้

 

  • People บุคลากร: พัฒนาศักยภาพบุคลากรขององค์กรให้มีความสามารถในการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต
  • Patronage ผู้มีอุปการคุณทางธุรกิจ: การส่งมอบคุณค่าให้แก่ทั้งลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน ผู้ถือหุ้น รัฐบาล และชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการและร่วมกันสร้างสรรค์ (Co-Create) เพื่อต่อยอดธุรกิจ
  • Partner หุ้นส่วน: การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เพื่อสร้างธุรกิจร่วมกัน
  • Platform แพลตฟอร์ม: การใช้ประโยชน์สูงสุดจากแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย แพลตฟอร์มทางธุรกิจที่มีอยู่เดิม แพลตฟอร์มทางความรู้ และดิจิทัลแพลตฟอร์ม

 

การยึดมั่นในหลักการ ESG ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้วยแนวทาง 4P จะช่วยให้ไทยออยล์มีความพร้อมต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต มู่งหน้าสู่การเป็นองค์กร 100 ปี ได้อย่างเข้มแข็ง ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ ‘ไทยออยล์’ สามารถสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับสังคมไทย และพร้อมสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนคู่คนไทยตลอดไป

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X