วันนี้ (5 มกราคม) นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระแรก วันที่สาม ภายหลัง สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส. จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กับแต่ละภาคของประเทศแตกต่างกันไปตามความนิยมพรรคการเมืองในพื้นที่
นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลได้ดูแลประชาชนในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งใส่เงินและให้ความใส่ใจ ซึ่งการพิจารณางบประมาณหรือการใส่เงินนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชน ไม่ได้แบ่งแยกกีดกัน ซึ่งเป็นปรัชญาสำคัญในการจัดทำงบประมาณฉบับนี้ และรัฐบาลยังใส่ใจ เพราะตั้งแต่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ภาคใต้หลายครั้ง และมีโครงการขนาดใหญ่ในภาคใต้หลายโครงการ ทั้งแลนด์บริดจ์ การขยายสนามบินภูเก็ต เพื่อสร้างความเจริญให้กับจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลใส่ใจและให้ความสำคัญกับประชาชนภาคใต้
นอกจากนั้นรัฐบาลยังมีการแก้ไขปัญหาการจราจรในจังหวัดภูเก็ต เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และแก้ปัญหาการเดินทางจากตัวเมืองภูเก็ตไปยังสนามบิน รวมถึงยังลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อยกระดับและดึงเศรษฐกิจ สร้างการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ทำให้ประชาชนมีเงินมากขึ้น ซึ่งเมื่อประชาชนมีเงินมากขึ้นก็จะมีความมั่นคง และความรุนแรงก็จะลดน้อยลงไป และในสิ้นเดือนหน้าตนเองก็จะลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวผ่านศิลปวัฒนธรรมและอาหาร ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีของดีอยู่มาก เช่น ปลานิลสายน้ำไหล ซึ่งหากรัฐบาลใส่ใจก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมาก และเม็ดเงินก็จะเข้าประเทศอีกด้วย
ส่วนปัญหาสนามบินเบตง จังหวัดยะลา ที่สายการบินหยุดการบินไปแล้วนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็คาดหวังว่าจะมีสายการบินไปเปิดการบินต่อในอนาคต และจะไปเจรจากับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย อนุญาตให้ประเทศไทยสามารถใช้เครื่องบินแอร์บัสทำการบินในสนามบินดังกล่าวได้ เนื่องจากเครื่องบินจะต้องล้ำเข้าไปในดินแดนมาเลเซียเล็กน้อยด้วย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าภายใน 4 ปีที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี จะนำความมั่งคั่งสู่ประชาชน ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภาคใต้จะดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน
