วันนี้ (4 มกราคม) ที่อาคารรัฐสภา ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส. จังหวัดสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วันแรก โดยยอมรับว่าผิดคาดจากที่ประเมินไว้ว่า สส. พรรคก้าวไกล จะอภิปรายนอกจอ แต่ปรากฏว่าอภิปรายในเชิงวิชาการ โดยเฉพาะ ศิริกัญญา ตันสกุล และ ชัยธวัช ตุลาธน ที่อภิปรายอยู่ในกรอบ แต่อาจมีหลุดบ้างเป็นเรื่องของวาทกรรม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บรรยากาศในการพิจารณางบประมาณเงียบเหงาหรือไม่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ครูมานิตย์กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณปีที่ผ่านมาเปรียบเป็นสงครามกลางสภาระหว่าง 3 ป. พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จึงเกิดการบู๊ตั้งแต่การพิจารณางบประมาณมาจนถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีและมีการกำชับอะไรกันหรือไม่ ครูมานิตย์กล่าวว่า พูดคุยกันตลอด ตนได้รับมอบหมายให้ดูแล สส. พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงการประสานงานร่วมกับฝ่ายค้าน โดยเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีได้อยู่ที่รัฐสภาตลอดและไม่มีความกังวลเรื่องในสภา โดยบางช่วงได้เปิดโอกาสให้ สส. ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเข้าพบเพื่อปรึกษาหารือปัญหาต่างๆ ในพื้นที่
ส่วนการอภิปรายที่เกือบจะพาดพิงถึง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ครูมานิตย์กล่าวว่า วันนี้ในสภาน่าจะแยกแยะออก ยกเว้น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ตนลุกขึ้นประท้วงนั้นมองว่า จุรินทร์เป็นนักการเมืองอาวุโส หากเป็น สส. รุ่นใหม่ ที่อภิปรายพาดพิงนั้นตนจะไม่ซีเรียส
“คนเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี คนเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการมาไม่รู้กี่กระทรวง มาอภิปรายตั้งแต่ถุงเท้าและพยายามพายเรือออกนอกกรอบ นี่เป็นสไตล์เดิมๆ ไม่แปลก แต่อยากจะเตือนเท่านั้นเองว่าเรื่องนี้ถ้าจะอภิปรายก็มีเวทีของเขาอยู่ แต่ในการพิจารณางบประมาณไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยกับความเจ็บป่วยของอดีตนายกฯ ทักษิณ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การลุกขึ้นประท้วงจุรินทร์ถือว่าเร็วไปหรือไม่ ครูมานิตย์ยอมรับว่าอาจลุกขึ้นประท้วงเร็วไปหน่อย และคนจะมองว่าเป็นองครักษ์หรือไม่นั้นก็แล้วแต่มุมมอง โดยเฉพาะต้นที่มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จึงเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่รู้จักและมีความเคารพนับถือกัน
“ผมตอบแบบไม่อายเลยว่าบางครั้งมันมีความจำเป็น เพราะว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ทำให้ผมได้มีโอกาสยืนอยู่ในสภาวันนี้ตั้งแต่ปี 2544 เมื่อครั้งท่านยังเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยอยู่”
ส่วนพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรให้กรณีของทักษิณไม่ถูกนำมาเชื่อมโยง ครูมานิตย์กล่าวว่า ต้องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ จะให้ตนเองมาตอบแทนตรงนี้ไม่ได้
สำหรับการอภิปรายของศิริกัญญาที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีฝีมือในการบริหารประเทศนั้น ครูมานิตย์กล่าวว่า เป็นวาทกรรม เป็นมุมมอง แม้ตนเองจะยอมรับในการอภิปรายของศิริกัญญา แต่การใช้งบกลางก็เหมือนการตีเช็คเปล่าอยู่แล้วในทุกๆ รัฐบาล มองว่ามีทั้งวาทกรรมผสมไปกับวิชาการ หากสักวันถ้าพรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้งและพรรคก้าวไกลได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ แล้วเขาจะรู้ว่าการเป็นฝ่ายปฏิบัติกับฝ่ายทฤษฎีนั้นต่างกัน