วันนี้ (1 มี.ค.) พรรคไทยรักษาชาติ ใช้พื้นที่ลานคนเมืองใหญ่ เปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในกรุงเทพมหานคร ท่ามกลางการจับตามองว่า อาจเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำตัดสินยุบพรรค 7 มีนาคมนี้
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวก่อนขึ้นเวทีปราศรัยว่า เวทีวันนี้และที่จะมีต่อไปเป็นเนื้อหาที่พูดกับประชาชนมาตลอด คือเรื่องการหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. และการสร้างบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย ซึ่งรวมไปถึงการวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล คสช. และพรรคการเมืองคู่แข่ง โดยจะไม่พูดและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณายุบพรรค
แต่ถ้ามีคำถาม ก็จะบอกเพียงว่าไม่มีความเห็น นายจาตุรนต์ย้ำว่า แผนการทำงานทุกอย่างยังคงเป็นไปตามปกติจนกว่าจะถึงวันที่ 7 มีนาคม เพราะผู้สมัคร ส.ส. หลายคนยังเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องสื่อสารกับประชาชนว่า เหตุใดจึงต้องยุบการสืบทอดอำนาจของ คสช.
จากนั้นช่วงค่ำ นายจาตุรนต์ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวกับประชาชน ระบุว่า เศรษฐกิจประเทศไทยโตช้าสุดในอาเซียน ยกเว้นบรูไนประเทศเดียว ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
เทียบกับตนสมัยอยู่พรรคไทยรักไทย การส่งออกโตทีละ 15-20% พร้อมย้ำว่า ไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เมื่อประกาศนโยบายแล้วทำได้ทั้งหมด และไทยรักษาชาติก็จะทำเช่นนั้น
ส่วนนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ที่ผ่านมามีแต่นายกฯ บ่นว่าแบบนี้จะเอาเงินจากไหน ส่งสัญญาณจนคนที่เกี่ยวข้องไม่อยากทำเรื่องนี้
ด้านการศึกษาก็แย่ลง งบประมาณการศึกษา 3 ปี ลดลงทุกปี แต่งบประมาณกลาโหมเพิ่มทุกปี
แต่พอบอกว่าจะตัดงบกระทรวงกลาโหม เขาบอกให้ไปฟังเพลง หนักแผ่นดิน จึงอยากย้อนถามว่าใครกันแน่ที่ควรไปฟังเพลงนี้
ทั้งนี้ ถ้าไทยรักษาชาติเป็นรัฐบาล จะมีกติกาว่า รัฐมนตรีกลาโหม ถ้าไม่ลดงบประมาณ นายกฯ จะไม่เซ็นอนุมัติ และถ้า ผบ.ทบ. มีปัญหา รัฐมนตรีกลาโหม จะสั่งสอบวินัย เพราะไม่มีประเทศไหนที่ข้าราชการประจำจะมาบอกรัฐบาลว่า ให้ไปฟังเพลง หนักแผ่นดิน
นายจาตุรนต์ยังปราศรัยโจมตีโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่าประชาชนที่ได้บัตรคนจน ไม่สามารถไปซื้อของทั่วไปได้ ต้องไปซื้อร้านธงฟ้า ซึ่งสินค้าในร้านก็มีแต่บริษัทขนาดใหญ่อยู่ไม่กี่บริษัท ดังนั้น โครงการประชารัฐคือการแจกเงินเจ้าสัวผ่านมือคนจน
นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ยังโจมตีการสืบทอดอำนาจของ คสช. และกำลังจะสร้างระบอบการปกครองอีกแบบขึ้น เรียกว่า ระบอบ คสช. พร้อมระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกที่ประชาชนจะตัดสินว่า เราจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้หรือไม่ ซึ่งจะแก้ได้ ต้องเลือกรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าประชาชนจะไม่เอา พล.อ. ประยุทธ์ ฝ่ายประชาธิปไตยต้องชนะท่วมท้นเท่านั้น เพราะเขามี 250 ส.ว.
“เรายังมีความมุ่งมั่นว่า จะเป็นตัวชี้ขาดชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย ในช่วง 2-3 เดือน ที่ได้พูดคุยกับประชาชน พบว่า พลังที่สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยเติบโตมากขึ้นทุกที และพลังนี้จะไม่ไปไหน จะร่วมกันหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ” นายจาตุรนต์กล่าว
