ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ผู้สมัคร ส.ส. ชลบุรีเขต 4 จาก 4 พรรคการเมือง ประกอบด้วย นายพายุ เนื่องจำนงค์ ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย นายสมชาย เนื่องจำนงค์ ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนพรรคภูมิใจไทย เขต 4 จังหวัดชลบุรี ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำความผิดของนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้มีบทลงโทษพร้อมขอให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในเขต 4 จังหวัดชลบุรี
นายพายุ กล่าวว่า การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา มีบุคคลอย่างน้อย 1 คนเข้าไปในคูหาชี้นำประชาชนที่มาใช้สิทธิลงคะแนน ซึ่งทางทีมงานของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยพบพิรุธ และควบคุมตัวส่งสถานีตำรวจภูธรบ้านบึง จังหวัดชลบุรี หลังจากที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งในหน่วยได้ชี้แจงและยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง พร้อมกับได้ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน
แต่หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวชายคนดังกล่าวในคืนวันเดียวกันโดยไม่มีการเก็บหลักฐานทางโทรศัพท์ที่เป็นข้อมูลสนทนากับผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐผ่านแอปพลิเคชันไลน์ไว้แต่อย่างใด ซึ่งกรณีดังกล่าวทางตัวแทนพรรคการเมืองทั้ง 4 พรรคได้ยื่นต่อหลักฐานไว้กับ กกต. จังหวัดชลบุรี และนำมายื่นกับสำนักงาน กกต. ในวันนี้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ได้ร้องเรียนผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐติดป้ายหาเสียงเกินที่กฎหมายกำหนดในพื้นที่เขต 4 จังหวัดชลบุรี คือ 380 ป้าย แต่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐติดป้ายหาเสียงจำนวน 800 ป้าย ดังนั้นได้มีการนำหลักฐานการติดป้ายดังกล่าวยื่นให้กับ กกต. ชลบุรี และ กกต. กลางแล้ว
นายพายุกล่าวว่า การที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐได้นำรูปของ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ไปใส่ไว้ในใบแนะนำตัวหาเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งน่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิดกฎหมาย กกต. โดยตรง และมีการนำเรื่องดังกล่าวมาร้องเรียนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง แต่ไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด จึงจำเป็นต้องนำเรื่องดังกล่าวมาร้องต่อ กกต. อีกครั้ง หาก กกต. ไม่ดำเนินการจะนำเรื่องไปยื่นกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตามการที่ 4 พรรคการเมืองรวมตัวกันมายื่นในวันนี้เนื่องจากมีผลกระทบต่อผู้สมัครในเขต 4 อีกกว่า 20 คน และพฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงกฎหมายไม่ได้บังคับใช้กับผู้สมัครทุกคน ดังนั้นขอให้ กกต. พิจารณาไต่สวนเรื่องดังกล่าวเพราะหลักฐานชัดเจน และก่อนหน้านี้ได้ร้องขอไปยัง กกต. จังหวัดชลบุรีให้มีการนับคะแนนใหม่ แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงขอให้ กกต. จัดการเลือกตั้งใหม่ในเขต 4 จังหวัดชลบุรี
นายพายุ กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวผู้ร้องและผู้ถูกร้องมีนามสกุลเดียวกันนั้นยอมรับว่าเป็นญาติกัน แต่ไม่ได้แปลว่าจะละเว้นให้กัน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนตั้งคำถามกันว่าจะมีการฮั้วกันหรือไม่ ตนก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่มีแน่นอน