พรีวิว: ไทย vs. ซาอุดีอาระเบีย เอเชียนคัพ 2023 (นัดที่ 3)
ในวันพฤหัสบดีนี้ (25 มกราคม) ฟุตบอลทีมชาติไทยที่มีคิวลงสนามเอเชียนคัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่ม F) นัดสุดท้าย พบกับทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ที่สนามเอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดียม ในเวลา 22.00 น.
และเช่นเคย THE STANDARD รวบรวมข้อมูลสำคัญๆ เพื่อพาแฟนบอลไปอุ่นเครื่อง ส่องความพร้อมของนักเตะทั้งฝั่งไทยและซาอุดีอาระเบีย รวมถึงสถิติต่างๆ ที่น่าสนใจมาฝากก่อนเกมนัดนี้ เกมที่มีผลต่อการลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของทัพช้างศึก ในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2023
ทบทวนเหตุการณ์นัด 2 (กลุ่ม F)
ย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ของทีมในกลุ่ม F จากการแข่งขันนัด 2 ของฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 โดยผลการแข่งคู่ระหว่างทีมชาติไทยพบโอมาน ปรากฏว่าทีมไทยสามารถยันเสมอได้ 0-0 ทำให้ทีมไทยคว้า 1 แต้มสำคัญมาได้สำเร็จ
ขณะที่ผลอีกคู่ระหว่างซาอุดีอาระเบียพบกับคีร์กีซสถาน เป็นทางลูกทีมของ โรแบร์โต มันชินี ที่เอาชนะคีร์กีซสถานที่เหลือผู้เล่น 10 คนในเกมนี้ไปได้ 2-0
ทำให้สถานการณ์ในตารางคะแนนของกลุ่ม F ปัจจุบัน ซาอุดีอาระเบียการันตีการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว หลังมี 6 แต้มเต็ม อยู่อันดับ 1 ส่วนทีมไทยอยู่อันดับ 2 มี 4 แต้ม ยังต้องลุ้นเข้ารอบต่อไปในนัดสุดท้าย ส่วนโอมานอยู่อันดับ 3 มีเพียง 1 คะแนน และตามมาด้วยคีร์กีซสถานอยู่ท้ายตารางแบบไร้แต้มในตอนนี้
🇹🇭 ความพร้อมทีมชาติไทย (อันดับ 113 ของโลก)
ทีมชาติไทยในมือของ มาซาทาดะ อิชิอิ เปิดหัวศึกเอเชียนคัพ 2023 ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม หลังเอาชนะคีร์กีซสถาน 2-0 และยันเสมอกับโอมานได้ 0-0 พร้อมเก็บ 4 แต้มที่สำคัญต่อโอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์มาได้
โดยสภาพความพร้อมของทีมชาติไทยชุดนี้อยู่ในจุดที่ดี ภาพรวมคาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวหลักจะขาดเพียง ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมที่ติดโทษแบน ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆ พร้อมลงสนามในเกมนี้ทั้งหมด
นัดนี้ทีมของอิชิอิจะเจอกับคู่แข่งที่เล่นเกมรุกได้มีมิติและอันตรายกว่าเดิม เมื่อเทียบกับคีร์กีซสถานและโอมานที่ไทยเจอก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นของเกมคาดว่ามีโอกาสที่ทัพช้างศึกจะโดนขึงเกมรุกใส่ค่อนข้างสูง แต่ถึงอย่างนั้นทีมไทยต้องเล่นเกมรับให้รัดกุมขึ้นกว่าเดิม และต้องเพิ่มประสิทธิภาพจากเกมสวนกลับให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่า 11 ผู้เล่นตัวจริงในเกมนี้จะมีการปรับทัพเพียงเล็กน้อยจากเกมล่าสุด ซึ่งตำแหน่งผู้รักษาประตูจะยังเป็น ปฏิวัติ คำไหม ส่วนเซ็นเตอร์แบ็กเป็น พรรษา เหมวิบูลย์ แท็กทีมกับ เอเลียส ดอเลาะ โดยมี ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ออกสตาร์ทตัวจริงยืนแบ็กขวา ส่วนทางซ้ายเป็น นิโคลัส มิคเกลสัน (สลับมาเล่นแทน ธีราทร บุญมาทัน)
แดนกลางยังคงเป็น พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ยืนคู่กับ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ส่วนแนวรุกยังเป็น สุภโชค สารชาติ ทำงานร่วมกับ บดินทร์ ผาลา ในฝั่งปีกซ้าย และทางขวาเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา โดยมีหน้าเป้าเป็น ศุภชัย ใจเด็ด เหมือนเช่นเดิม
ผลงาน 5 นัดหลังสุด I ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2
- เสมอ โอมาน 0-0
- ชนะ คีร์กีซสถาน 2-0
- แพ้ ญี่ปุ่น 0-5
- ชนะ สิงคโปร์ 3-1
- แพ้ จีน 1-2
🇸🇦 ความพร้อมทีมชาติซาอุดีอาระเบีย (อันดับ 56 ของโลก)
ทีมชาติซาอุดีอาระเบียชุดนี้อยู่ในการดูแลของ โรแบร์โต มันชินี กุนซือวัย 59 ปี ชาวอิตาลี ผู้เคยพาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ยูโรมาแล้วในปี 2020 และทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งตลอดช่วง 2 นัดแรก ที่เอาชนะโอมาน 2-1 และชนะคีร์กีซสถาน 2-0 พร้อมตีตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายอย่างแน่นอนแล้ว
เกมนัดนี้ ซาอุดีอาระเบียของมันชินีที่ลอยลำเข้ารอบไปแล้ว คาดว่าจะมีการหมุนเวียนผู้เล่นสลับกับตัวจริงในการลงสนาม เพื่อพักผู้เล่นกำลังหลักบางส่วนไว้สู้ในรอบน็อกเอาต์
ในเบื้องต้นคาดการณ์ว่า มันชินีจะส่งนักเตะแนวรุกอย่าง ซาเลม อัล-ดอว์ซารี, ไฟราส อัล-บูไนคาน รวมถึง อับดุลเลลาห์ อัล-อัมรี ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ก่อนจะคอยสลับโรเทชันตามสถานการณ์ของเกม
ผลงาน 5 นัดหลังสุด ชนะ 4 เสมอ 1
- ชนะ คีร์กีซสถาน 2-0
- ชนะ โอมาน 2-1
- ชนะ ฮ่องกง 2-0
- เสมอ ปาเลสไตน์ 0-0
- ชนะ เลบานอน 1-0
ผลการดวลกัน 5 นัดหลังสุด
ผลการดวลกัน 5 นัดหลังที่พบกัน เป็นฝั่งทีมชาติซาอุดีอาระเบียมีสถิติที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน หลังเป็นฝ่ายเอาชนะไทยได้ 4 ครั้งจากนัดที่พบกัน โดยชัยชนะล่าสุดของทัพช้างศึกที่มีเหนือซาอุดีอาระเบีย คือการชนะด้วยสกอร์ 3-1 ในเกมกระชับมิตรปี 1984 หรือ 40 ปีที่แล้ว
และนี่คือผลการแข่งขันที่ดวลกัน 5 นัดหลังสุด
- ไทย 0-3 ซาอุดีอาระเบีย (2017)
- ซาอุดีอาระเบีย 1-0 ไทย (2016)
- ซาอุดีอาระเบีย 3-0 ไทย (2011)
- ไทย 0-0 ซาอุดีอาระเบีย (2011)
- ไทย 1-2 ซาอุดีอาระเบีย (2009)
โปรแกรมถ่ายทอดสด
โปรแกรมนัดต่อไป ทีมชาติไทยจะพบกับทีมชาติซาอุดีอาระเบีย ที่สนามเอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดียม ในวันที่ 25 มกราคม 2567 เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTV HD ช่อง 36 และ T Sports 7
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ทีมชาติไทยลงซ้อมฟื้นฟูร่างกายก่อนรับมือซาอุดีอาระเบีย
- ลุ้นต่อนัดสุดท้าย! ไทยยันเสมอโอมานสุดระทึก 0-0 ศึกเอเชียนคัพ 2023