วันนี้ (17 พฤษภาคม) ฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว หลังจบภารกิจด้วยการคว้าเหรียญเงินมาครองในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
โดย ยุทธนา หยิมการุณ ผู้อำนวยการทีมชาติไทย U23 กล่าวว่า “ผมในฐานะผู้อำนวยการ (ผอ.) ทีมชาติไทยชุด U23 ก็มารับน้องๆ ที่มาทำหน้าที่รับใช้ชาติในการเล่นกีฬาฟุตบอล ทีมฟุตบอลของเรามีความมุ่งมั่นที่จะคว้าเหรียญทองในครั้งนี้ ถ้าดูจากการแข่งขันก็ถือว่าทำได้ดีมาตลอด เพียงแต่นัดสุดท้ายเป็นเรื่องของความอ่อนล้าและปัจจัยหลายอย่าง และมีเหตุการณ์ชุลมุนกัน
“ผมในฐานะ ผอ.ทีมชาติไทย ต้องกราบขอโทษ พี่น้องประชาชนชาวไทยที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ส่วนมาตรการของสมาคมฯ ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและจะพิจารณาอย่างเร่งด่วน ผมยังยืนยันว่าทีมชาติและน้องๆ ทุกคนยังพัฒนาได้ต่อเนื่อง แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ต่างๆ ก็คิดว่าเราจะมุ่งมั่นพัฒนานักเตะต่อไป เหตุการณ์ที่ไม่ดีจะไม่ให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชนชาวไทยอีกครั้ง
“ส่วนการทำงานกับโค้ชหระ (อิสสระ ศรีทะโร) แนวทางการทำทีม ผมคิดว่ามีความทันสมัย ถ้าดูจากทุกเกม ภาพรวมเราทำได้ดี ทั้ง 4 เกมก่อนนัดชิงฯ เราเล่นได้ดี อาจจะมีนัดสุดท้ายที่ฟุตบอลลูกกลมๆ ก็พลาดไปแล้ว และต้องขอโทษที่ไม่สามารถนำเหรียญทองกลับมาเมืองไทย ก็จะพยายามกันต่อไป ส่วนไหนที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ก็มีการขอโทษ มีการโพสต์รับผิด ก็ไม่เป็นไร เราก็คงไม่ให้เกิดขึ้นอีก ผมในฐานะ ผอ.ทีมชาติ ก็มีส่วนรับผิดชอบกับน้องๆ ด้วย”
ด้าน อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า “ส่วนตัวผมเหรียญเงินเหรียญนี้ เป็นเหรียญที่สร้างประสบการณ์หลายอย่างให้น้องๆ มากมาย เรามีแมตช์เจอทีมที่แข็งแกร่งทั้งหมด 5 ทีมเลย เราทำผลงานได้ดีพอสมควร ผมมองรายละเอียดฟุตบอลในส่วนแรก วิธีการต่างๆ การรวมตัว การฟื้นตัว การหมุนเวียนนักเตะ ทุกอย่างเราได้ลงแท็กติก เราได้ใช้นักเตะสลับกันเสมอ ซึ่งน้องๆ ตอบสนองได้ดีทุกคน
“ส่วนต่อมา ที่มีเรื่องราวระหว่างเกมนัดชิงฯ ผมมองว่ามันเป็นอารมณ์ของฟุตบอล ถ้าทุกคนไปไล่เรียงเหตุการณ์ อารมณ์มันเกิดตั้งแต่ประตูที่สอง เพราะทุกคนคิดว่าเราโดนเอาเปรียบ ทำไมมันเป็นแบบนี้ ทุกคนก็เก็บไว้ ยังไม่ระเบิดออกมา พอเราไล่มา 1-2 จนจะจบเกม มันไล่มาเรื่อยๆ ทดเจ็บนาทีสุดท้าย เรายิงได้ น้องๆ ทำได้ โคตรสุดยอดสำหรับผม
“อย่างที่ทาง ผอ. บอก เรื่องของอารมณ์ส่วนตัวในบางจังหวะ ถือว่าน้องๆ ทำได้ดีมาก ถือว่าเป็นโมเมนต์ที่เหวี่ยงไปมา เป็นเรื่องของฟุตบอล แต่สุดท้าย ผมอยากฝากถึงทุกคนว่า เหตุการณ์มันมีลำดับเหตุการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าเราทำผิด เราต้องขอโทษ แต่ว่าทุกอย่างมันมีเหตุผล และตอนนั้นเกมมันเสมอ พอจบเกมทุกอย่างจบ เราก็ไปจับมือขอโทษขอโพย ตรงนี้เคลียร์
“หลังจากนี้ก็ต้องประชุมในวันพรุ่งนี้ก่อนว่าจะมีการวางรูปแบบการทำงานหรือมีอะไรเพิ่มเติมสำหรับทีมเรา ส่วนเรากับคู่แข่ง (อินโดนีเซีย) ฟุตบอลมันขับเคี่ยวในสนาม ทั้งคนในสนามและคนที่เป็นโค้ชด้วย คืออารมณ์ร่วมมันสุดยอด มันเป็นแค่อารมณ์ร่วมที่อาจเกินเลยไปหน่อย จนไม่สามารถควบคุมได้ แต่สิ่งที่ดีคือเมื่อจบเกม ทุกอย่างจบ ถือเป็นเรื่องที่ดี กัปตันทีมฝั่งตรงข้ามก็มาขอโทษ จังหวะประตูที่สอง จังหวะวุ่นวาย ตรงนี้ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ทุกคนได้ประสบการณ์ด้วย ทั้งทีมงาน บางอย่างเราผิดแน่นอน ก็ต้องไปว่ากันอีกที”
สำหรับรายการต่อไปของ ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี คือการทำศึกชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่จะแข่งขันในช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ที่ประเทศไทย ต่อด้วยการทำศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในช่วงเดือนกันยายน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพด้วยเช่นกัน