×

นายกฯ ประกาศยกระดับปราบอาชญากรรมข้ามชาติร่วมกับนานาชาติ คุมเข้า-ออกชายแดนและเส้นทางบิน ตัดเน็ต ไม่ส่งออกน้ำมันและไฟฟ้า

โดย THE STANDARD TEAM
23.06.2025
  • LOADING...
thailand-transnational-crime

วันนี้ (23 มิถุนายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมแถลงภายหลังการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเปิดเผยว่า รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ 

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสหประชาชาติ (UN) พบว่า กัมพูชาถือเป็นแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมระดับโลก ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งหน่วยงานของของไทย ได้ร่วมกันและเร่งดำเนินการปราบปรามอย่างเด็ดขาดตามแนวชายแดน โดยได้กำหนด 5 มาตรการดังนี้ 

 

  • ด้านความมั่นคง: จะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการเข้า-ออกจุดผ่านแดน ทั้งการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน 7 จังหวัด ห้ามรถยนต์ และบุคคล เข้า-ออก ยกเว้นในกรณีมีเหตุจำเป็นชัดเจน เช่น นักเรียน นักศึกษา และคนป่วย นอกจากนี้ ห้ามให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเล่นการพนันในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการเข้มงวดการเดินทางโดยเครื่องบินไปยังเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เพื่อไปเล่นการพนัน 

 

  • ด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี: กระทรวงดีอี โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) จะดำเนินการตรวจสอบบัญชีม้า และเส้นทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติอย่างเข้มงวด รวมถึงการระงับการบริการอินเทอร์เน็ต และประตูอินเทอร์เน็ตใต้น้ำ ที่ไปยังหน่วยงานทางการทหาร และความมั่นคงของรัฐบาลกัมพูชาทั้งหมด นอกจากนี้จะร่วมมือกับทางป.ป.ง.ในการสร้างมาตรการคว่ำบาตรผู้ที่เป็นอาชญากรข้ามชาติ ที่พบว่ามีการฟอกเงิน รวมถึงการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่โยกย้ายไปต่างประเทศด้วย

 

  • ด้านการส่งออกไฟฟ้า น้ำมัน และสินค้าผ่านชายแดน: ต้องระงับการส่งออกสินค้าที่เกื้อหนุนต่อกิจกรรมของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิจารณาถึงความเหมาะสมในการระงับการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา ที่จะนำเอาไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

 

  • ด้านการพาณิชย์: กระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน โดยขอความร่วมมือกับภาครัฐ และภาคเอกชนในการรับซื้อสินค้า 

 

  • ด้านการประสานความร่วมมือกับนานาชาติ: กระทรวงการต่างประเทศ จะประสานกับประเทศต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศ ในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการร่วมในภูมิภาค

 

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ได้ให้ทุกภาคส่วนในการกำหนดไทม์ไลน์ และตั้ง KPI ในการดำเนินมาตรการอย่างชัดเจน โดยขอให้ภายใน 3 เดือน สถิติการแจ้งความของคนไทย ความเสียหาย การยึดทรัพย์ และการดำเนินคดีเครือข่าย จะต้องเห็นผลลดลงอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหานี้ที่จะต้องเร่งแก้ไขให้หมดไปโดยเร็ว และให้มีการสื่อสารที่ถูกต้องกับพี่น้องประชาชน

 

ส่วนธุรกิจไทยที่ลงทุนอยู่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรี​ยืนยันว่า จะสนับสนุนทั้งทางการทูตอย่างเต็มที่​ ซึ่งมีการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในเมือง และไม่ได้มีความรุนแรงเกิดขึ้น​ ซึ่งผ่านมามีทางกัมพูชาประกาศไม่ซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ​เป็นเรื่องตรงชายแดน แต่หากมีการลุกลามมากขึ้น​ก็จะยิ่งเป็นปัญหา​ หากกัมพูชาไม่รับซื้อน้ำมันจากของไทย​ก็จะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น​ ซึ่งตนก็ไม่ทราบได้ว่ากัมพูชาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร 

 

ทั้งนี้ ในการควบคุมชายแดนได้มอบหมายให้กับหน่วยงานความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ทหารพิจารณาจากหน้างานว่าหากเกิดอะไรขึ้น และช่วยดูว่าควรจะปิดหรือเปิดด่านอย่างไร

 

เมื่อถามถึงตัวเลขที่คนไทยถูกหลอกเงินมีมูลค่าความเสียหายเท่าใดนั้น​ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า​ หากดูจากตัวเลขขบวนการคอลเซ็นเตอร์เสียหายประมาณ 30,000 ล้านบาท หลังจากที่มีการปราบปรามอย่างจริงจัง​ แต่ยังไม่มีตัวเลขของผู้เสียหาย​ แต่ในส่วนของคนไทยเสียหายมูลค่าวันละ 80 ล้านบาท

 

ด้าน พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า นโยบายที่ดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายคือการตั้งศูนย์วอร์รูมในการประเมินสถานการณ์ในทุกวัน ขณะเดียวกันก็มีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั่วโลกมาร่วมทำงานวอร์รูมนี้  โดยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา เพราะถือเป็นแหล่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และมีการเคลื่อนย้ายจากเมียวดีประเทศเมียนมา มาที่ประเทศกัมพูชา  

 

นอกจากนี้จะมีการขยายผลสืบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับการให้ที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์  รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านการเงินก็จะมีการสืบสวนและขยายผลเพื่อขอหมายจับต่อไป

 

สำหรับความร่วมมือจากองค์กรนานาชาติ จะมีสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC ซึ่งตนเป็นหัวหน้าหน่วยงานเฉพาะกิจ ขณะที่อินเตอร์โพลเราเป็นสมาชิกเช่นเดียวกับกัมพูชาซึ่งจะมีกลไกในการขับเคลื่อนในการช่วยเหลือในการปฏิบัติการปราบปรามต่างๆ

 

ส่วนตำรวจอาเซียนจะมีการประชุมช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลคนที่ถูกหลอกในประเทศต่างๆ ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ไหน 

 

ด้าน พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุว่า ตามมาตรการ Seal Stop Save ต้องลาดตระเวนตามจุดช่องทางธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาชายแดนจะมีปรับกำลังให้สอดคล้องกับปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น

 

นอกจากนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขอให้บูรณาการการทำงานตามแนวชายแดน หน่วยความมั่นคง ข้าราชการพลเรือนส่งผ่านข้อมูลกันทุกวันในการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดน

 

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนแนวของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และ คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อช่วยกันในการปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นปัญหาของโลก

 

ส่วนจะต้องมีการปรับอะไรเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ พล.อ. ทรงวิทย์ กล่าวว่า ต้องหาว่าช่องทางธรรมชาติมีจุดใดบ้าง หากดูจากข่าว 2-3 วันที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ที่ข้ามทางช่องทางธรรมชาติได้มากขึ้น และมีการวางสิ่งกีดขวางมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีการสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่ทหารตามแนวชายแดน

 

แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising