วันนี้ (22 ตุลาคม) ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน อาจารย์ประจำศูนย์เกาหลีศึกษา และอดีตประธานศูนย์เกาหลีศึกษา สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยควรแสดงบทบาทเป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติและอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสแกมเมอร์ เนื่องจากมีภูมิประเทศใกล้ชิดกับกัมพูชา ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งสำคัญของปัญหาดังกล่าว
ดร.ไพบูลย์ เสนอว่า อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทย สามารถใช้โอกาสจากการประชุมระดับนานาชาติ 2 เวทีใหญ่ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อประกาศจุดยืนความพร้อมเป็น ‘ฮับ’ แก้ปัญหาสแกมเมอร์
ได้แก่ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 26 – 28 ตุลาคม 2568 และ การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ณ เมืองคยองจู เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน2568 ซึ่งคาดว่าจะมีผู้นำระดับโลกเข้าร่วม เช่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
สาระสำคัญในการประกาศจุดยืนของไทยคือ การพร้อมรับการสนับสนุนจากนานาชาติ ทั้งงบประมาณ บุคลากร เทคโนโลยี องค์ความรู้ และพร้อมสนับสนุนหากหน่วยงานต่างชาติประสงค์จะเข้ามาตั้งศูนย์ปราบปรามต่อต้านสแกมเมอร์โดยใช้พื้นที่ของไทย
“ประเทศไทยควรจะจับมือกับเกาหลีใต้ เพราะเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งจีนและอเมริกา เราควรเสนอกับเกาหลีใต้ว่า ยินดีที่จะเป็นเซ็นเตอร์หรือเป็นฮับ (HUB) ในการบริหารจัดการปัญหาสแกมเมอร์ เชื่อว่าถ้าเราประกาศออกไปแบบนี้ทุกประเทศพร้อมจะลงขันแน่นอน” ดร.ไพบูลย์ กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่า การดำเนินการนี้เป็นการช่วยกันจู่โจมสแกมเมอร์ ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และไม่ได้ต่อว่าประเทศกัมพูชา
ดร.ไพบูลย์ ระบุว่า ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับคือ ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในเวทีโลก เพราะไทยเคยเป็นฐานที่ตั้งของสแกมเมอร์ และปัจจุบันมีข่าวความกังวลว่าสแกมเมอร์จากกัมพูชากำลังหลบหนีเข้าไทย การประกาศตัวเป็นฮับจะสร้างความเชื่อมั่นถึงการเอาจริงเอาจังว่าไทยไม่เป็นส่วนหนึ่งของสแกมเมอร์อย่างเด็ดขาด อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณความเอาจริงเอาจังให้กับคนไทยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ให้ยุติการกระทำ เพราะการกวาดล้างจะเป็นความร่วมมือระดับโลก
นักวิชาการ มธ. แสดงความมั่นใจว่านานาชาติจะสนับสนุนไทย เนื่องจากปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาระดับโลกที่กระทบทุกประเทศ โดยยกตัวอย่างญี่ปุ่นและยุโรปที่กำลังพิจารณาคว่ำบาตรกัมพูชา และสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ โดยพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติได้แจ้งยกเลิกการเดินทางในช่วงฤดูหนาวแล้วราว 65% เนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยในภูมิภาค ไม่ได้มองว่าปัญหาอยู่แค่ที่กัมพูชา
ดร.ไพบูลย์ ชี้ถึงผลกระทบต่อกัมพูชาจากท่าทีของเกาหลีใต้ว่า เกาหลีใต้ได้เริ่มระงับความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) ไปหลายโครงการ และนักท่องเที่ยวเกาหลีที่เคยเดินทางเข้ากัมพูชาจำนวนมากก็ได้ยกเลิกการเดินทางไปจนถึงสิ้นปี ทำให้สนามบินแห่งใหม่ของกัมพูชาแทบจะร้างผู้คน ซึ่งไทยก็ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ไปด้วย จึงต้องปรับกลยุทธ์การสื่อสารในเวทีระหว่างประเทศว่าไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และพร้อมเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้