วันนี้ (28 พฤศจิกายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นสักขีพยานพิธีลงนามและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์
จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการแถลงข่าว ดังนี้
นายกฯ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับ และรู้สึกประทับใจที่นายกฯ สิงคโปร์เป็นผู้นำคนแรกที่เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้ เคยพบกันในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ สปป.ลาว เมื่อเดือนตุลาคม และเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่กรุงลิมา ประเทศเปรู
ขณะนี้ไทยและสิงคโปร์กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีหน้า โดยการเยือนประเทศไทยในครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้ทั้ง 2 ประเทศทบทวนความร่วมมือที่มีอยู่และวางแผนสำหรับความร่วมมือในอนาคต โดยทั้ง 2 ประเทศจะได้เห็นการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันมากขึ้นในปีหน้า ประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสิงคโปร์ ขณะที่นายกฯ กล่าวว่าตั้งใจที่จะเดินทางไปเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อเรื่องต่างๆ ที่หารือกับนายกฯ สิงคโปร์ในวันนี้
จิรายุกล่าวอีกว่า ทั้ง 2 ประเทศหารือครอบคลุมในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ความมั่นคงและการป้องกันประเทศ การค้าและการลงทุน ความมั่นคงด้านอาหาร ความมั่นคงด้านพลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัลและสีเขียว และความยั่งยืน
ทั้งนี้ ประเทศไทยและสิงคโปร์หวังว่าจะได้เห็นการลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต และไทยพร้อมที่จะร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่สิงคโปร์ โดยเฉพาะการส่งออกข้าวคุณภาพและไข่ออร์แกนิกไปยังสิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังหารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีสีเขียวและการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและอุตสาหกรรมชีวภาพ ซึ่งจะช่วยให้ทั้ง 2 ประเทศบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้
ในการแถลงข่าวยังกล่าวถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ และไทยขอขอบคุณสิงคโปร์ที่มอบทุนการศึกษาให้กับข้าราชการไทย โดยผู้นำทั้ง 2 ประเทศยังหารือถึงแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา เพื่อยกระดับและสร้างทักษะใหม่ให้แรงงาน
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศต่างหวังที่จะเห็นสันติภาพและเสถียรภาพกลับคืนมาในประเทศเมียนมา พร้อมหวังว่าการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างประเทศกลุ่มอาเซียนในกรุงเทพฯ จะเป็นโอกาสสำคัญเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติสำหรับอาเซียนในเรื่องนี้ ทั้งนี้ นายกฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิด ลึกซึ้ง และกว้างขวางกับสิงคโปร์ยิ่งขึ้นในทุกมิติ
ด้านนายกฯ สิงคโปร์กล่าวขอบคุณสำหรับการตอบรับ และยินดีที่ได้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นเกียรติที่เป็นผู้นำคนแรกที่เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการหลังนายกฯ เข้ารับตำแหน่ง โดยยินดีที่ไทยและสิงคโปร์ต่างเห็นพ้องขยายความร่วมมือในด้านใหม่ๆ
ทั้งนี้ เชื่อว่าการลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้จะช่วยกระชับความร่วมมือระหว่างข้าราชการของไทยและสิงคโปร์ และในปีหน้าที่ความสัมพันธ์ทั้ง 2 ฝ่ายครบรอบ 60 ปี จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะได้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือให้ครอบคลุมมากขึ้นในหลากหลายมิติ พร้อมย้ำถึงความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย เพื่อเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกันไปสู่อีกระดับ