วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลุกขึ้นกล่าวภายหลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายฯ ตอนหนึ่งเรื่องเศรษฐกิจว่า ภาพรวมนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล 9 เดือนที่ผ่านมา มีการทำนโยบายขับเคลื่อนทั้งภายในและภายนอก ช่วงนี้มีเหตุการณ์เศรษฐกิจโลกขาลงที่มีความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมีมาก่อนรัฐบาลของตนจะเข้ารับตำแหน่ง ที่ฝ่ายค้านพูดเป็นภาพรวมทั้งหมด ขอยอมรับว่า GDP ด้านการผลิตเราบังคับไม่ได้
ทั้งนี้รัฐบาลชุดที่ 1 ของตนทำงานอย่างหนักในการเดินหน้าการลงทุนขั้นพื้นฐานต่างๆ IMF เคยประมาณการปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงถึง 6 ครั้ง มีการประเมินถึงการค้าโลกขยายตัวเพียง 1% ในปี 2562 รวมถึงสินค้าเกษตรที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และยังโดนผลกระทบจากภัยแล้ง รวมถึงไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 งบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้า แต่รัฐบาลแก้ปัญหาจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก จากไตรมาสแรกในปี 2557 ที่ GDP ขยายตัวเพียง 0.7% แต่ในไตรมาสแรกของปี 2561 รัฐบาลสามารถทำ GDP ขยายตัวได้ถึง 5.0% ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายสำคัญ คือการลงทุนในเศรษฐกิจมหภาค แต่สิ่งที่ฝ่ายค้านว่ารัฐบาลเอื้อเจ้าสัวนั้น เจ้าสัวที่ว่าก็อยู่มาทุกรัฐบาล อย่างไรก็ตาม 7 เดือนของรัฐบาลนี้สามารถประคับประคองเศรษฐกิจได้ดีพอสมควร ถ้าไม่ติดเรื่องงบประมาณปี 2563 ล่าช้าก็น่าจะไปได้ดีพอสมควร
“ยืนยันเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าว ดูได้จากการขยายตัวของ GDP ไตรมาส 3 ปี 2562 ของไทยอยู่ที่ 2.4% ขณะที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.3% สิงคโปร์ 0.5% ทั้งที่สองประเทศนี้มีอัตราการเจริญเติบโตมาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกัน GDP ของจีนก็ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงต่ำสุดในรอบ 111 ไตรมาส ขณะที่สหรัฐฯ ก็ชะลอตัวลงต่ำสุดในรอบ 12 ไตรมาส ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน เรามุ่งเน้นเรื่องการดูแลฐานรากที่เรียกว่าอนาคต มีการประกันรายได้สินค้าเกษตรทุกประเภท มีความพยายามกระตุ้นการส่งออก หรือแม้แต่โครงการชิมช้อปใช้ ประชาชนก็ให้การตอบรับดี ดังนั้นฝ่ายค้านอย่ายกส่วนที่ไม่ดีมาพูดเพียงอย่างเดียว ขอให้ฟังข้อเท็จจริงที่ผมพูดบ้าง” นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ว่า ยอมรับว่ามีผลกระทบมากพอสมควร แต่รัฐบาลเตรียมการรับมือหากเกิดการแพร่ระบาดในระยะที่ 3 ถือเป็นการเตรียมความพร้อม ไม่ต้องการให้ตื่นตระหนก เพียงแต่ต้องไม่ประมาท ส่วนที่บางคนบอกให้รัฐบาลใช้มาตรการแรงขึ้นนั้นอยากถามว่าถึงเวลาหรือยัง แล้วคนที่พูดบอกให้ดูประเทศจีนตนก็ชอบนะ แต่ปัญหามีอยู่ว่าเราสามารถทำตามกฎหมายอย่างจีนทำได้หรือไม่ โดยเฉพาะคนที่พูด ตนไม่ได้ว่าจีนไม่ดี แต่รูปแบบการปกครองสองระบบเขาเข้มงวด แต่ของเราไม่เอากฎหมายสักตัวทั้งในและนอกสภาฯ
“ต่างคนต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน ผมฟังท่าน ท่านก็ต้องฟังผมบ้าง หลายอย่างถ้าเราใจร้อน มันไปไม่ได้ เราต้องใจเย็นนิดหนึ่ง ผมใจร้อนยิ่งกว่าท่านอีก ในส่วนที่ท่านบอกว่า ผมทำความเสียหายนั้น ผมยังไม่รู้ว่าทำความเสียหายตรงไหน เพราะยังไม่เห็นที่เป็นเรื่องเป็นราวเป็นทางการ ท่านกล่าวหาผมเยอะแยะ ว่าผมไปเอื้อประโยชน์ต่างๆ ผมขออนุญาตไม่กล่าวถึงใคร ในช่วงก่อนหน้านี้ มีความเสียหาย 124,646 ล้านบาท ใกล้มาอีกนิดหนึ่งก็เสียหาย 489,761 ล้านบาท เรื่องอะไรท่านทราบดี ทุจริตต่างๆ เยอะไปหมด ตัวเลขมีเยอะอยู่ในศาล แต่ผมยังไม่มีเรื่องราวอะไรของผม ฉะนั้นผมจะฟังคำตัดสินของศาล ผมเชื่อมั่นศาลไทย กระบวนการยุติธรรมของศาลไทย เพราะคนอื่นก็ได้รับการตัดสินจากศาลเหล่านี้เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง นายกฯ เพราะเป็นศาลของประชาชนโดยรวม ผมต้องเคารพ และผมไม่เคยไปก้าวล่วงใคร ผมไม่เห็นที่ท่านกล่าวอ้างมาซักเรื่อง แต่ก็แล้วแต่ท่าน ผมคิดว่าประชาชนที่อยู่ทางบ้านเข้าใจพอสมควร เอกสารผมมีเป็นตั้งๆ ถ้า ส.ส. คนไหนอยากดูมาขอผมได้ ” นายกฯ กล่าว
ชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์