วันนี้ (4 พฤศจิกายน) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงาน THE 43rd ASEANAPOL Conference หรือการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียนครั้งที่ 43 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นกล่าวเปิดการประชุม โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือในตำรวจอาเซียนเพื่อป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรืออาชญากรรมไซเบอร์ ที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญในขณะนี้
อนุทิน กล่าวถึงบทบาทของไทยในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ไทยได้วางตัวในฐานะผู้เล่นคนสำคัญและเป็นผู้นำ ในการตั้งคณะกรรมการเพื่อปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ไม่เพียงแต่เป็นผู้เข้าร่วมเท่านั้น พร้อมทั้งยืนยันว่าไทยได้ลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ร่วมกับ 67 ประเทศ เพื่อร่วมมือกันป้องกันทรัพย์สินและชีวิตของประชาคมโลก
ภายหลังการเปิดประชุม อนุทิน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้คือเรื่อง อาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ การค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญและ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้บรรจุ 2 เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ
“ขอให้ประชาชนได้มีความมั่นใจว่า ไม่ได้เพิกเฉย การทำงานของรัฐบาลทำมาด้วยความต่อเนื่องมาโดยตลอดและมีความมุ่งมั่นตั้งใจ แน่วแน่ ในการปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ ซึ่งทำลายทั้งเศรษฐกิจ ทรัพย์สิน และชีวิตประชาชน” อนุทินกล่าว
นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การสแกม และการค้ามนุษย์ อย่างเด็ดขาดและเข้มงวด โดยต้องร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคและประเทศที่ได้รับผลกระทบ
เมื่อถามถึงสถานการณ์ในฝั่งเมียนมา และการวางมาตรการในพื้นที่เสี่ยง (เคเคปาร์ค) อนุทินกล่าวว่า ได้ดำเนินการในทุกด้าน ไม่ใช่เฉพาะฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ทั้งในประเทศและนอกประเทศ โดยจะดำเนินการอย่างเต็มที่ในส่วนที่การข่าวประเมินว่ามีความสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตทรัพย์สินของประชาชน พร้อมระบุว่า มีการยึดทรัพย์และดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องมาตลอด
ในประเด็นนักการเมืองหรือบุคคลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังอาชญากรรม นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ได้หารือกับ ผบ.ตร. เลขา ปปง. และ รมว. ยุติธรรม ให้ทำงานอย่างเต็มที่และ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีข้อยกเว้น
“เราไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร ตนกินเงินเดือนพี่น้องประชาชน กินเงินเดือนภาษีจากประชาชน การที่จะปกป้องให้ความคุ้มครองและทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ให้กับไทย ต้องทำให้กับคนที่เสียเงินเดือนเราคือประชาชน” อนุทินย้ำว่า ทุกคนที่ขึ้นมาตรงนี้ขึ้นมาด้วยความสามารถตัวเองทั้งนั้น ไม่มีหนี้บุญคุณต้องชำระกับใครนอกจากบุญคุณของประเทศและประชาชน ขอให้ประชาชนเลิกกังวลเรื่องกระแสได้







            
                                        
                                            
                                                
                                                    
                                                        
                
                
                
                
                
                