×

รัชกาลที่ 10: พระมหากษัตริย์ของปวงชน ผ่านพระราชอำนาจทางจารีตประเพณีของสถาบัน

โดย วยาส
28.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 MINS READ
  • พระมหากษัตริย์จะทรงผสานผูกพันเป็นเนื้อเดียวกันกับคนไทยทั้งชาติ เพราะทรงใช้พระราชอำนาจสนองประโยชน์แห่งมหาชนผ่านรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของมหาชน ซึ่งเป็นไปตามหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย

“ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แจ้งว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงติดตามการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กและโค้ชฟุตบอลจำนวน 13 ราย รวมทั้งทรงห่วงใยกลุ่มผู้ประสบภัยทุกคน และทรงให้กำลังใจไปยังครอบครัวผู้ประสบภัยทุกคน ขอให้ทุกคนปลอดภัย รวมถึงทรงให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามค้นหา ขอให้ประสบความสำเร็จ”

 

ข้างต้นคือถ้อยคำจาก พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคนไทยจำนวนมากที่ติดตามข่าวต่างรู้สึกเช่นเดียวกันกับพระองค์  

 

จากปรากฏการณ์ 13 หมูป่าได้ให้อะไรกับประเทศไทยหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือทำให้ใจของประชาชนคนไทยทั้งชาติได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งระหว่างประชาชนด้วยกัน รวมถึงประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมใจของคนไทยมาต่อเนื่องยาวนานไม่ขาดสาย

 

ครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกที่พสกนิกรชาวไทยได้แสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันร่วมกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่มีอีกหลายต่อหลายครั้งที่สถาบันพระมหากษัตริย์ได้เป็นศูนย์รวมใจของพสกนิกรชาวไทย ไม่ว่าจะในคราวใดก็ตาม

 

 

ทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ

ภายหลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ทั่วทั้งประเทศอยู่ในความโศกเศร้า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ได้รับสั่งต่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไว้ดังความตอนหนึ่งว่า

 

“ท่านทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้ และท่านขอเวลาสำหรับกระบวนการของกฎหมาย ในการอัญเชิญขึ้นสืบราชสมบัตินั้นให้รอเวลาที่เหมาะสม เมื่อทรงร่วมแสดงความเสียใจและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ร่วมกับประชาชนผ่านพ้นไปแล้ว”

 

 

พระราชทานกำลังใจร่วมกับคนไทยทั้งประเทศ

กิจกรรมก้าวคนละก้าว เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่คนไทยทุกคนติดตามและส่งกำลังแรงกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ร่วมกัน ในคราวนั้นประชาชนชาวไทยจำนวนมากต่างมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันที่อยากจะขอบคุณในความเหน็ดเหนื่อยของ ตูน บอดี้สแลม หรือนายอาทิวราห์ คงมาลัย และทีมงาน

 

เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เมื่อในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์ อัญเชิญดอกไม้พระราชทานมามอบให้ตูนและคณะ และทรงให้อัญเชิญพระกระแสรับสั่งมาถึงตูนและคณะว่าพระองค์ทรงเป็นกำลังใจ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง และปฏิบัติภารกิจที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้

 

 

พระราชทานขวัญกำลังใจ: พระราชอำนาจทางจารีตประเพณีของสถาบันพระมหากษัตริย์

ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้ประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบราชาธิปไตยมาสู่ระบอบประชาธิปไตย สถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงดำรงอยู่เคียงคู่ความเป็นไปต่างๆ ในประเทศไทยโดยตลอด และพระราชอำนาจทางจารีตประเพณีของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังคงดำรงอยู่ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยเรื่อยมา

 

พระราชอำนาจดังกล่าวประกอบด้วย พระราชอำนาจในการพระราชทานขวัญกำลังใจ พระราชอำนาจในการพระราชทานคำแนะนำ ให้คำปรึกษาหารือ และพระราชอำนาจในการตักเตือนรัฐบาล

 

นับเนื่องมายาวนานลุจนถึงปัจจุบัน ชัดเจนแล้วว่าปวงชนชาวไทยไม่สามารถตัดขาดชีวิตจากพระราชอำนาจทางจารีตประเพณีของสถาบันพระมหากษัตริย์ไปได้

 

 

อย่างไรก็ดี ภายหลังจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทยในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 พสกนิกรทั่วประเทศได้สูญเสียศูนย์รวมจิตใจและตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า แต่เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 หลังจากที่คณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่รัฐสภา ได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎมณเฑียรบาลและรัฐธรรมนูญในการสถาปนาพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ ประเทศไทยก็ได้มีศูนย์รวมใจสืบต่อจากรัชกาลที่ 9 อีกหน

 

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2559 อันเป็นวันแรกภายหลังจากผ่านพระราชพิธีเสด็จฯ ขึ้นทรงราชย์ เราได้พบเห็นความปีติยินดีของพสกนิกรภายหลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนตกอยู่ในภวังค์ความโศกเศร้า เช่น นางชรันดา หาสุข กล่าวว่า

 

“เมื่อทราบว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับขึ้นทรงราชย์เป็นในหลวงรัชกาลที่ 10 ก็ดีใจ มีความหวัง เพราะที่ผ่านมาเราสูญเสียมามาก อยากให้ประเทศชาติสงบสุข ร่มเย็น คนไทยรักและสามัคคีกันใต้ร่มพระบารมีรัชกาลที่ 10”  

 

 

เช่นเดียวกันกับผู้นำมุสลิมที่มัสยิดยามิอุ้ลอิสลาม ได้นำชาวไทยมุสลิมกว่า 1,000 คนร่วมละหมาดในวันศุกร์ โดยภายหลังละหมาดเสร็จได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วยภาษาอาหรับเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

 

ภายหลังจากการเสด็จฯ ขึ้นทรงราชย์ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงใช้พระราชอำนาจทางจารีตประเพณีของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการพระราชทานคำแนะนำต่อรัฐบาลเพื่อการบริหารกิจการต่างๆ ในคราวสำคัญ

 

ทั้งนี้ล้วนเป็นไปเพื่อแก้ไขความขัดแย้งและสร้างขวัญกำลังใจ อำนวยความสุขให้เกิดแก่พสกนิกรนับตั้งแต่เริ่มต้นรัชสมัยของพระองค์

 

 

ทรงแสดงความห่วงใยพสกนิกรที่ประสบอุทกภัย

จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อันเป็นผลจากฝนที่ตกหนักตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 25 มกราคม 2560 ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีพสกนิกรในจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 12 จังหวัด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความห่วงใยที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระราชทานผ่านรัฐบาลว่า

 

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหลวงรัชกาลที่ 10 ท่านทรงห่วงใยและกำชับมาทุกเรื่อง วันนี้ท่านได้พระราชทานความช่วยเหลือจากหน่วยงานในพระองค์ และในส่วนขององคมนตรีได้ลงมาตรวจเยี่ยมในจังหวัดที่มีความเดือดร้อนและมีการพูดคุยประสานกับรัฐบาลอยู่แล้ว เพื่อจะได้ช่วยกันในการที่จะนำความห่วงใยและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านลงมาถึงประชาชนด้วยผ่านช่องทางของรัฐบาลและของพระองค์ท่านเอง”

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่ประจักษ์ถึงบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่กระตุ้นรัฐบาลให้สนองตอบความเดือดร้อนของประชาชนอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

 

 

พระราชทานคำแนะนำแก่รัฐบาล

พระราชอำนาจในการพระราชทานคำแนะนำตักเตือนแก่รัฐบาลหรือรัฐมนตรี เป็นอีกหนึ่งพระราชอำนาจที่จะทำให้ผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหารใช้อำนาจและปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขของราษฎร โดยในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีได้ทำการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่รัฐมนตรีจะได้รับพระราชทานคำแนะนำต่างๆ

 

ดังเช่นที่ นายอุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า

 

“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่าอยากให้ ครม. ดูแลเรื่องความมั่นคง ซึ่งไม่ได้หมายถึงมิติการเมือง แต่เป็นทุกเรื่อง ทั้งความเป็นอยู่ อาหาร ความปลอดภัย ให้ประชาชนมีความสุข พระองค์ท่านพระราชทานคำแนะนำว่าต้องใช้ปัญญา”

 

 

พระราชอำนาจพระราชทานขวัญกำลังใจ

การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการหลายๆ อย่างเป็นหน้าที่ที่ต้องอาศัยความพยายามและวิริยะอุตสาหะ ซึ่งผู้ที่เป็นข้าราชการน้ำดีที่นับวันจะหาได้ยากยิ่งในสังคมไทยย่อมไม่ง่ายนัก เสมือนดั่งการว่ายทวนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว จนข้าราชการหลายคนเลือกจะถือตามสุภาษิต น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ จนทำให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารราชการแผ่นดินที่บกพร่อง ไร้ธรรมาภิบาล

 

แต่จากกรณีล่าสุดที่สังคมไทยได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของข้าราชการน้ำดีผู้มีบุคลิกความเป็นผู้นำจนได้รับการยกย่องในความสามารถและความซื่อสัตย์อย่าง ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ที่ได้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์ในเหตุการณ์ 13 หมูป่านั้น ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร เพื่อพระราชทานคำชมเชยและให้กำลังใจ

 

 

การใช้พระราชอำนาจเพื่อพระราชทานขวัญกำลังใจดังกล่าวย่อมส่งผลให้ข้าราชการน้ำดีอีกมากมายมีกำลังใจที่จะยืนหยัดทัดทานต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

 

ซึ่งท้ายสุดแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ หากทำอย่างซื่อตรง ถูกต้อง ก็ย่อมเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยในที่สุด

 

จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาและที่จะเกิดขึ้นต่อไปในภายภาคหน้า พระราชอำนาจตามจารีตประเพณีของสถาบันกษัตริย์จะอยู่เคียงคู่กับรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยตลอดไป

 

 

พระมหากษัตริย์จะทรงผสานผูกพันเป็นเนื้อเดียวกันกับคนไทยทั้งชาติ เพราะทรงใช้พระราชอำนาจสนองประโยชน์แห่งมหาชนผ่านรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของมหาชน ซึ่งเป็นไปตามหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X