‘พาณิชย์’ ลุยนโยบาย Quick big win ลดค่าครองชีพ ระดมความเห็นเครือโรงพยาบาลเอกชนก่อน MOU ยกระดับเปิดสิทธิผู้ป่วยเลือกซื้อยาเองได้ เผย 9 เครือ พร้อมร่วมโครงการ รวม 354 แห่ง ย้ำให้สิทธิประชาชน ต่างชาติ เข้าถึงบริการทางการแพทย์เป็นธรรม เริ่ม 28 ต.ค.
วันที่ 7 ต.ค. วิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล โดยศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่มอบนโยบาย Quick Big Win ในการลดค่าครองชีพ โดยศุภจี ระบุว่า จะช่วยลดช่องว่างสวัสดิการความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ ลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้กว่า 3.2 หมื่นล้านบาท/ปี นั้น
ล่าสุด กรมการค้าภายใน (DIT) ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน จัดประชุมเพื่อยกระดับการให้บริการและขอความร่วมมือจากเครือข่ายโรงพยาบาลต่างๆ ในการแจงรายละเอียดราคายาและเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อยาจากร้านขายยาข้างนอกได้ ภายใต้โครงการ ‘สุขกายสบายกระเป๋า’
โดยก่อนหน้านี้ มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการ 5 เครือ จาก 11 เครือ แต่ปัจจุบันได้รับความสนใจเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 9 เครือ และยังมีโรงพยาบาลอื่นที่ไม่ได้สังกัดเครืออีกหลายแห่งเข้าร่วม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ลดช่องว่างรวยจน! เพิ่มทางเลือกเข้าถึงยา-ลดแออัด รพ.รัฐ ‘ศุภจี’ เปิดเกมคุมราคายาเอกชน เริ่มปลาย ต.ค.
- ส่องดีกรี 9 กระทรวงเศรษฐกิจ รัฐบาลอนุทิน ใครเป็นใคร มีฝีมือด้านไหนบ้าง
- เปิด 7 นโยบาย Quick Big Win ‘ศุภจี’ ลดค่าครองชีพ เร่งส่งออกเชิงรุก ซื้อขายข้าว G2G ไทย-จีน
ทำให้จำนวนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง จากสมาชิก 354 แห่ง ได้แก่
- เครือ BDMS (ดุสิตเวชการ อาทิ รพ.กรุงเทพ รพ.พญาไท เป็นต้น)
- เครือโรงพยาบาลธนบุรี
- เครือ BCH (กลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลการุญเวช)
- เครือบางปะกอก-ปิยะเวช
- เครือรามคำแหง-วิภาราม
- เครือ PCL (พริ๊นซิเพิล)
- เครือจุฬารัตน์
- เครือนวมินทร์
- เครือสินแพทย์ และโรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลบีแคร์
โดยได้เข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านในการปฏิบัติร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ‘สุขกาย สบายกระเป๋า’ เพื่อยกระดับความร่วมมือในการเปิดเผยค่ายาในโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงเพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วยสามารถเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้
วิทยากร กล่าวอีกว่า ความร่วมมือดังกล่าวเป็นยกระดับการให้บริการผู้บริโภค ในการขอทราบราคายาและเลือกซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้ โดยถือเป็น Quick Big Win MOU มุ่งให้โรงพยาบาล เอกชนช่วยแบ่งเบาภาระค่าของชีพ ขั้นตอนต่อไป DIT และ อย. จะต้องเตรียมความพร้อม ในการกำหนดคุณสมบัติและลงทะเบียน ร้านขายยาที่มีกว่า 20,000 แห่ง ซึ่งจะประชุมในวันที่ 10 ตุลาคม 68 นี้
หลังจากมีการหารือกันทุกด้านแล้วจะเริ่ม Kick off โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ในวันที่ 28 ตุลาคม 2568 และหลังจากนั้นทุกโรงพยาบาลและร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการจะมีป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อใช้บริการได้อย่าวทั่วถึงต่อไป
ในการแสดงรายละเอียดของโรงพยาบาล จะมี “รายการยาและค่ายา” อย่างชัดเจนในใบแจ้งค่าใช้จ่าย ใบแจ้งหนี้ หรือใบเสร็จรับเงิน เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาได้ และ จะได้รับใบสั่งยาเพื่อไปเลือกซื้อยาจากร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ ภายนอกโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล โดยทุกฝ่ายจะมีการร่วมมือประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสิทธิในการรับบริการและการเลือกซื้อยาให้ทั่วถึง
ทั้งนี้ ในเฟสต่อไปจะขยายความร่วมมือไปยังคลินิกต่าง ๆ และเข้าไปดูแลเรื่องโครงสร้างราคาต้นทุนยาให้เหมาะสมและเป็นธรรม DIT ย้ำว่า แผนนี้มุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลอย่างเหมาะสม
“วันนี้กรมการค้าภายใน ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดทำ MOU เพื่อเปิดเผยราคายาก่อนการซื้อ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก โดยเน้นให้ประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในไทย สามารถเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ของโรงพยาบาลในกรณีเร่งด่วนหรือฉุกเฉินได้ แต่ยังคงเลือกซื้อยาจากภายนอกโรงพยาบาลได้”
ทั้งนี้ ความร่วมมือของทุกฝ่ายในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน
“เป็นเรื่องที่สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เพิ่มทางเลือก การให้บริการของโรงพยาบาลเอกชน เข้าถึงบริการในโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น และช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลภาครัฐในภาพรวมด้วย” วิทยากร กล่าวทิ้งท้าย
ภาพ : zorazhuang / Getty images