วันนี้ (14 กันยายน) ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 5 แจ้งว่า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร โดยมีพื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์ระหว่างวันที่ 14-18 กันยายน 2567 ดังนี้
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขัง
ภาคเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่
แม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน, ปางมะผ้า, ปาย, สบเมย)
เชียงใหม่ (อำเภอแม่อาย, ฝาง, จอมทอง, ฮอด)
เชียงราย (อำเภอแม่สาย, เชียงแสน, แม่จัน, แม่ฟ้าหลวง, เทิง, พญาเม็งราย, เวียงแก่น)
พะเยา (อำเภอปง, เชียงคำ, จุน, ภูกามยาว, เชียงม่วน)
แพร่ (อำเภอวังชิ้น, สูงเม่น, เด่นชัย, ลอง)
น่าน (อำเภอทุ่งช้าง, เฉลิมพระเกียรติ, ปัว, บ่อเกลือ, ท่าวังผา, เชียงกลาง, แม่จริม, ภูเพียง, เวียงสา)
อุตรดิตถ์ (อำเภอท่าปลา, น้ำปาด)
ตาก (อำเภอท่าสองยาง, แม่สอด, พบพระ, อุ้มผาง)
สุโขทัย (อำเภอเมืองสุโขทัย, ศรีสัชนาลัย, ศรีสำโรง, กงไกรลาศ)
กำแพงเพชร (อำเภอปางศิลาทอง, คลองลาน, โกสัมพีนคร, พรานกระต่าย)
พิษณุโลก (อำเภอชาติตระการ, นครไทย, วัดโบสถ์, วังทอง, เนินมะปราง)
พิจิตร (อำเภอโพธิ์ประทับช้าง)
เพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์, หนองไผ่, หล่มเก่า, หล่มสัก)
นครสวรรค์ (อำเภอแม่วงก์, แม่เปิน)
อุทัยธานี (อำเภอบ้านไร่)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่
เลย (อำเภอนาแห้ว, เชียงคาน, ด่านซ้าย, ปากชม)
หนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย, สังคม, ศรีเชียงใหม่, ท่าบ่อ, โพนพิสัย, โพธิ์ตาก)
บึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงกาฬ, ปากคาด, บุ่งคล้า, โซ่พิสัย, เซกา, บึงโขงหลง)
หนองบัวลำภู (อำเภอสุวรรณคูหา)
อุดรธานี (อำเภอนายูง, น้ำโสม)
สกลนคร (อำเภอเมืองสกลนคร, ภูพาน, สว่างแดนดิน)
นครพนม (อำเภอเมืองนครพนม, ศรีสงคราม)
ชัยภูมิ (อำเภอเมืองชัยภูมิ, คอนสาร, หนองบัวแดง)
ขอนแก่น (อำเภอเมืองขอนแก่น, ภูผาม่าน, ชุมแพ, บ้านไผ่)
มหาสารคาม (อำเภอเมืองมหาสารคาม)
กาฬสินธุ์ (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์, ยางตลาด, ร่องคำ)
มุกดาหาร (อำเภอเมืองมุกดาหาร, หว้านใหญ่, ดอนตาล)
ร้อยเอ็ด (อำเภอเมืองร้อยเอ็ด, เสลภูมิ)
ยโสธร (อำเภอเมืองยโสธร, ป่าติ้ว, คำเขื่อนแก้ว)
อำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ, ชานุมาน)
นครราชสีมา (อำเภอปากช่อง, วังน้ำเขียว)
บุรีรัมย์ (อำเภอเมืองบุรีรัมย์)
สุรินทร์ (อำเภอเมืองสุรินทร์, ปราสาท)
ศรีสะเกษ (อำเภอเมืองศรีสะเกษ, ยางชุมน้อย)
และอุบลราชธานี (อำเภอเมืองอุบลราชธานี, วารินชำราบ, ตาลสุม, น้ำยืน, พิบูลมังสาหาร, น้ำขุ่น)
ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่
กาญจนบุรี (อำเภอสังขละบุรี, ทองผาภูมิ)
นครนายก (อำเภอเมืองนครนายก, ปากพลี)
ปราจีนบุรี (อำเภอกบินทร์บุรี นาดี)
สระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว)
ฉะเชิงเทรา (อำเภอสนามชัยเขต, ท่าตะเกียบ)
ชลบุรี (อำเภอศรีราชา, บางละมุง)
ระยอง (อำเภอเมืองระยอง, แกลง, บ้านค่าย)
จันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี, เขาคิชฌกูฏ, สอยดาว, โป่งน้ำร้อน, มะขาม, ขลุง)
ตราด (ทุกอำเภอ)
ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร (อำเภอพะโต๊ะ, สวี)
สุราษฎร์ธานี (อำเภอพนม, บ้านตาขุน)
นครศรีธรรมราช (อำเภอพิปูน, ช้างกลาง, ลานสกา)
ระนอง (ทุกอำเภอ)
พังงา (อำเภอเมืองพังงา, คุระบุรี, ตะกั่วป่า, กะปง, ท้ายเหมือง)
ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่, เหนือคลอง, อ่าวลึก, คลองท่อม, ปลายพระยา, เกาะลันตา)
ตรัง (อำเภอเมืองตรัง, ปะเหลียน, นาโยง, กันตัง, สิเกา, ห้วยยอด, วังวิเศษ)
สตูล (อำเภอเมืองสตูล, ควนโดน, ควนกาหลง, ทุ่งหว้า, มะนัง)
กอปภ.ก จึงได้ประสานแจ้ง 53 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน พื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังระบายไม่ทัน
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำ น้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเล และนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด
รวมถึงให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนการเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ขอให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า
หากประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงหรือขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ให้จังหวัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมออกช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และแจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ สถานการณ์น้ำ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น